ตำบลแสนสุข ก้าวสู่ “สมาร์ทซิตี้” ผนึกเดลล์-อินเทล นำนวัตกรรม IoT ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ


image.jpeg

แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการของเทศบาลตำบลแสนสุข ในประเทศไทย และกลายเป็นสมาร์ท ซิตี้ แห่งแรกในประเทศ เผยโฉมโครงการต้นแบบของจริงที่ได้มีการพิสูจน์แนวคิดหลากหลายรูปแบบว่าสามารถนำไปต่อยอดการใช้แอพพลิเคชันอัจฉริยะที่มีนวัตกรรมและเชื่อถือได้จริง สำหรับการดำเนินโครงการในระยะแรกก็คือ การติดตั้งระบบอัจฉริยะเพื่อการติดตามดูแลสุขภาพ โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงคุณภาพการดูแลประชากรสูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ โดยโครงการนำร่องนี้เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยี ได้แก่ เดลล์ อินเทล และศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้โครงการดูแลสุขภาพด้วยระบบอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท เฮลธ์แคร์นี้ นับเป็นโครงการแรกที่มีการติดตั้งใช้งานจริงในประเทศไทย
ความริเริ่มของโครงการ แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เปิดตัวขึ้นในปี 2557 และเป็นโครงการนำร่องที่ใช้เวลา 3 ปี จัดทำโดยเทศบาลตำบลแสนสุข เพื่อนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความเป็นระบบอัจฉริยะแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว จากจำนวนประชากร 46,000 คนตามที่ระบุในทะเบียนผู้พักอาศัยในชุมชนแห่งนี้ 15% ของประชากรจำนวนดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานรัฐบาลในท้องที่ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สูงอายุเหล่านี้มักจะอยู่บ้านคนเดียวในช่วงระหว่างวัน โดยมีผู้ดูแลน้อยหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพยาบาลอยู่น้อย โครงการนำร่องนี้ จึงเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2559 และมุ่งเป้าไปที่ 140 ครัวเรือนที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นที่การตรวจตราดูแลคนไข้พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้รัฐบาลจัดสรรทรัพยากรในการพยาบาลและดำเนินการเรื่องการบริการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เรื่องนี้สำเร็จได้ด้วยแอพพลิเคชัน IoT ที่ช่วยด้านการตรวจดูสุขภาพ ให้การแจ้งเตือนฉุกเฉิน ตรวจจับสภาพแวดล้อม สอดส่องที่พักอาศัยและติดตามดูแลเพื่อความปลอดภัย
“แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ นำเทคโนโลยีล้ำหน้ามาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พักอาศัยดีขึ้น และช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น เราจึงเลือกทำงานกับเดลล์ และอินเทล ในช่วงเริ่มต้นที่เป็นระยะสำคัญในการพิสูจน์แนวคิด (proofs-of-concept) เนื่องจากทั้งสององค์กร เป็นผู้ที่มีผลงานด้านสมาร์ท ซิตี้ และเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยได้เคยสร้างโครงการ IoT ขนาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกมาแล้วหลายโครงการ และเรารู้สึกยินดีที่ได้จัดทำโครงการในระยะแรกขึ้น พร้อมกับมั่นใจว่าโครงการในระยะถัดมาก็จะส่งผลลัพธ์ที่มีคุณค่าอย่างมากกับเมืองเราเช่นกัน”
นาย ณรงค์ชัย กล่าวต่อไปว่าโครงการนำร่องนี้ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของผู้ที่พักอาศัยในชุมชมได้อย่างกลมกลืน ให้ประโยชน์แก่ทั้งเมืองและชุมชน สถาปัตยกรรมโซลูชันที่เสร็จสมบูรณ์ของโครงการนี้ จะกลายเป็นต้นแบบในอุดมคติสำหรับโปรแกรมสมาร์ท ซิตี้อื่นๆ ไม่ใช่แค่ แสนสุข แต่รวมถึงสมาร์ท ซิตี้ ในประเทศไทย และทั่วโลก”
ด้าน ผศ. อภิเนตร อูนากูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นความริเริ่มของหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจโดยมีหน้าที่ให้การสนับสนุนภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรหลายรายนี้ ไม่ใช่แค่การร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ หากยังเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยต้องก้าวสู่วิสัยทัศน์ในการพัฒนาสู่ความเป็นประเทศดิจิทัล (Digital Thailand) สำหรับแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ การสนับสนุนด้านเทคนิคจากเดลล์ และ อินเทล ช่วยให้การติดตั้งแพลตฟอร์มที่เป็นต้นแบบสำหรับสมาร์ท ซิตี้ ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การนำ IoT ที่ล้ำหน้ามาใช้ได้มากขึ้น ครอบคลุมหลากหลายแง่มุมของการใช้ชีวิตสำหรับทั้งผู้พักอาศัยในชุมชนและนักท่องเที่ยว สิ่งนี้นับเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญต่อไปในการบรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสมาร์ท เนชั่น หรือประเทศอัจฉริยะในที่สุด” ทั้งนี้ ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือ ICIC ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานชั้นนำอื่นๆ ในการติดตั้งโครงการดังกล่าว ได้แก่ สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA – Thai Embedded Systems Association) มหาวิทยาลัยบูรพา BAESLab และ กสท โทรคมนาคม
โดยปกติ พยาบาลในเขตเทศบาล จะไปเยี่ยมผู้พักอาศัยที่เป็นผู้สูงอายุอยู่เป็นประจำเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อผูกพันในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พยาบาลก็ยังคงไม่สามารถดำเนินการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมในระหว่างเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากพยาบาลไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเมื่อไหร่ หรือต้องดูแลทางการแพทย์ต่อด้วยวิธีใด ปัจจุบัน โครงการนำร่องนี้ ช่วยให้พยาบาลสามารถดูแลสอดส่องสุขภาพของคนไข้สูงอายุได้จากระยะไกลผ่านระบบคลาวด์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการเชื่อมต่อบลูทูธ
แพลตฟอร์ม IoT ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน ให้การเชื่อมต่อแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ที่ปลอดภัยตั้งแต่เกตเวย์ตลอดจนอุปกรณ์และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยโซลูชันจะช่วยให้ติดตั้งใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้นและให้ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ในช่วงระยะแรกของโครงการนำร่องนี้ ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุจะสวมใส่อุปกรณ์อัจฉริยะขนาดเล็กที่รับส่งสัญญาณบลูทูธได้ เช่นกำไลสวมข้อมือหรือสร้อยคอ โดยอุปกรณ์อัจฉริยะนี้ จะทำการสอดส่องจำนวนก้าว การเคลื่อนไหว ระยะทางในการเดิน และรูปแบบการนอนหลับ อีกทั้งสามารถแจ้งเตือนมายังผู้ดูแลในศูนย์ดูแลสุขภาพ เมื่อระบบตรวจจับกิจกรรมที่ไม่ปกติ เช่น การลื่นหกล้ม หรือมีการกดปุ่มฉุกเฉินขึ้น
ระบบเกตเวย์อัจฉริยะจากเดลล์ ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน จะทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ที่อุปกรณ์อัจฉริยะทำการบันทึกเก็บไว้ทุกวัน โดยจะมีการติดตั้ง Dell IoT Gateway ไว้ที่บ้านพักของผู้ป่วย พร้อมกับติดตั้ง Dell Edge Gateway 5000 Series ในรุ่นสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม ไว้ที่สถานพยาบาลด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยในการส่งข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและมีความถูกต้องแม่นยำ ไปยังไพรเวทคลาวด์ของเดลล์ และส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของสถานพยาบาลในเขตเทศบาล ที่ซึ่งมีการแสดงข้อมูลอัพเดททั้งเมืองในแบบเรียลไทม์ พร้อมจัดเก็บข้อมูลไว้บนระบบ Converged System ของ Dell PowerEdge VRTX
นายเออร์วิน เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไป เดลล์ โออีเอ็ม โซลูชัน ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคใต้ กล่าวว่า“การเข้าถึงประวัติการรักษาของคนไข้ และข้อมูลเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์สามารถระบุความจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะและแยกแยะวิธีการตอบสนองที่จำเป็นสำหรับกรณีการรักษาฉุกเฉิน โดยช่วยให้บริการพยาบาลในท้องที่ สามารถตอบโจทย์ท้าทายเรื่องบุคลากรด้านการดูแลที่มีอยู่จำกัด ขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านการสนับสนุนที่เหมาะสมได้เร็วขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน”
หลังจากที่โครงการนำร่องเสร็จสิ้น ก็จะสามารถนำโซลูชันไปใช้กับแอพพลิเคชันสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ ต่อได้ เช่นกิจกรรมในการบำรุงรักษาและปรับปรุงด้านความปลอดภัยในที่สาธารณะ และท้ายที่สุดก็จะทำให้แสนสุขกลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จากโครงการ IoT เพื่อการดูแลสุขภาพ จะถูกเก็บไว้ใช้สำหรับโปรแกรมอื่นๆ ของแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เช่นระบบสารสนเทศสำหรับนักท่องเที่ยวบนโมบายแอพฯ ซึ่งจะแจ้งเตือนการจัดงาน บริการต่างๆ รวมถึงข้อมูลอื่นที่น่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยว
ส่วนนายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า“ขั้นตอนเริ่มต้นเหล่านี้ ที่มุ่งสู่การดูแลสุขภาพใน แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการวางกลยุทธ์ไปข้างหน้า โดยโครงการนี้เป็นกรณีการใช้งานจริงที่พลิกโฉมการนำเสนอประโยชน์ใหม่อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน เช่น คลาวด์ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ เป็นส่วนใหญ่ในการติดตั้งเพื่อใช้งานโครงการ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมนำเสนอความเชี่ยวชาญของเราจากการดำเนินโครงการสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ มาแล้วทั่วโลก รวมถึงความเชี่ยวชาญจากการทำงานให้กับสถาบันดูแลสุขภาพมากมาย”
ด้านนายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อินเทล รู้สึกเป็นเกียรติ์ทีได้รับโอกาสร่วมทำงานกับเทศบาลตำบลแสนสุข ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ และ เดลล์ ในการช่วยให้แสนสุข เข้าใจถึงโครงการดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะเป็นโครงการแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนโฉมไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ความร่วมมือในครั้งนี้สร้างโมเดลใหม่สำหรับการนำโซลูชันแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตรงต่อความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง โครงการนำร่อง แสนสุข นี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย และเราก็หวังถึงความสำเร็จที่มากยิ่งขึ้นในการนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้เพื่อเสริมแกร่งวิสัยทัศน์สู่ดิจิทัล ไทยแลนด์”

การีนา ออนไลน์ ผนึก อินเทล จัดมหกรรมอีสปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้“การีนา สตาร์ ลีก 2016”


imageบริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน ร่วมด้วย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้สนับสนุนหลัก จัดงาน การีนา สตาร์ ลีก 2016 (GSL 2016) งานมหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

งานดังกล่าวจะจัดขึ้นโดย การีนา ระหว่างวันที่ 2-3 เมษายน 2559 ณ ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเล่นเกมและกีฬาอีสปอร์ตสุดพิเศษจากพีซีประสิทธิภาพสูงสุดกว่า 1,000 เครื่อง ซึ่งใช้เทคโนโลยี อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 จากอินเทล หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานครั้งนี้

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของงานในปีนี้ คือการมอบรางวัล “อีสปอร์ต อวอร์ดส์ โดย อินเทล” เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เข้าแข่งขันชาวไทยที่มีพรสวรรค์และความโดดเด่นในเรื่องของอีสปอร์ต และผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้แก่วงการอีสปอร์ตของเมืองไทยให้โด่งดังในระดับโลก

มร. อัลเลน ซู ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายปฏิบัติการเกม บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การีนา สตาร์ ลีก จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2556 และได้กลายเป็นงานมหกรรมเกมและอีสปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยงานนี้ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่เรามีต่อวงการเกม ด้วยการนำเสนอการแข่งขันอีสปอร์ตสุดตื่นเต้นเร้าใจ กิจกรรมแบบอินเตอร์แอคทีฟ นวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และประสบการณ์ความบันเทิงอย่างเหนือระดับในทุกรูปแบบ ซึ่งเราต้องขอบคุณอินเทลและผู้สนับสนุนทุกท่านที่ได้ร่วมนำเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งภายในงานครั้งนี้ ทำให้เราได้มีโอกาสนำประสบการณ์อีสปอร์ตระดับโลกมาสู่คอเกมชาวไทยและในภูมิภาคนี้”

ปัจจุบันนี้มีผู้เล่นเกมอยู่ประมาณ 1,800 ล้านคน[1] และผู้ติดตามชมกีฬากว่า 160 ล้านคน[2] ทั่วโลก จากผลการศึกษาของ Newzoo โดยคาดว่าภายในปี 2560 ฐานผู้ชมการแข่งขันอีสปอร์ตจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว[3] และจะสามารถทำรายได้มากถึง 463 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[4] (ประมาณ 16,200 ล้านบาท) ในปี 2559 ซึ่งสูงกว่ายอดจากปีก่อนหน้าถึง 40 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ผลการศึกษาของ Newzoo* ยังคาดการณ์ว่าตลาดอีสปอร์ตทั่วโลกจะสร้างรายได้มากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 35,000 ล้านบาท) ในปี 2562[5]

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อีสปอร์ตกำลังกลายเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกมการแข่งขันขณะนี้มีความคล้ายคลึงกับการแข่งขันกีฬาแบบดั้งเดิมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายทอดสดการแข่งขัน การซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม และฐานแฟนเกมของผู้เล่นและทีมที่ตนชื่นชอบ ซึ่งอินเทลมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนด้านทางเทคโนโลยีภายในงาน การีนา สตาร์ ลีก 2016 นี้ เพื่อร่วมสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีที่สุดด้วยเทคโนโลยีของเรา”

อินเทลได้สนับสนุนการเติบโตของวงการอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี เริ่มต้นจากการเป็นผู้สนับสนุนงาน อินเทล เอ็กซ์ตรีม มาสเตอร์ (IEM) การแข่งขันอีสปอร์ตระดับโลกที่มีมายาวนาน ซึ่งได้จัดร่วมกับ ESL ตั้งแต่ปี 2549 หลังจากนั้นเป็นต้นมา อินเทลยังคงให้การสนับสนุนอีสปอร์ตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขันต่างๆ อาทิเช่น การีนา สตาร์ ลีก โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้เล่นพีซีกว่า 97 ล้านคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ [6] เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้สัมผัสกับที่สุดแห่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของการเล่นเกม

นายสนธิญา กล่าวเพิ่มเติมว่า “อินเทลพร้อมนำเสนอชิปประมวลผลที่ดีที่สุด ทั้งบนโทรศัพท์มือถือและเดสก์ท็อปเพื่อผู้สนใจพีซีจะได้เพลิดเพลินไปกับเกมประเภทต่างๆ โดยภายในการแข่งขันครั้งนี้ จะมีคอมพิวเตอร์พีซีกว่า 1,000 เครื่องที่ใช้เทคโนโลยี อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมแบบเต็มขั้น นอกจากนี้ จะมีการมอบรางวัล “อีสปอร์ต อวอร์ดส์ โดย อินเทล” ให้กับนักกีฬาอีสปอร์ตของไทยที่ทำผลงานโดดเด่นบนเวทีระดับนานาชาติ รวมไปถึงบุคคลผู้ทำคุณประโยชน์แก่วงการอีสปอร์ตในประเทศไทย ในวันแรกของการจัดงานอีกด้วย”

งานการีนา สตาร์ ลีก 2016 ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพันธมิตรหลักทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน อาทิ แอร์เพย์* เอซุส* เลอโนโว* เอเซอร์* ทรูมันนี่* และซิป้า* โดยในงานนี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ http://www.gsl.in.th และ https://www.youtube.com/user/GarenaThailand เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การแข่งขัน นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมและการแสดงที่น่าสนใจอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ การประกวดคอสเพลย์ League of Legends สำหรับแฟนๆ โชว์แมทช์จากเหล่าคนดัง คอนเสิร์ตจากศิลปินนักร้องชั้นนำ รวมไปถึงการจับฉลากลุ้นรับของรางวัลและของที่ระลึกภายในงานอีกมากมาย นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานยังจะได้พบกับเกม ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์เสริมใหม่ล่าสุดมากมายในกว่า 15 บูธกิจกรรมจากประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พร้อมมามอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่ผู้เข้าชมงานกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ ในบริเวณของ “อินเทล เอ็กซพีเรียนซ์ โซน” ผู้เข้าชมงานจะได้พบกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากอินเทล อย่างอินเทล® เรียลเซนส์™ รวมถึงร่วมเล่นเกมชิงของรางวัลภายในบูธอีกด้วย

อินเทล เปิดประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจในงาน อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์


In this photo released by Intel Corporation, Brian Krzanich, Intel's Chief Executive Officer confirms that the company’s broader product base – beyond just microprocessors – will be “conflict free” in 2016*.  He also said that maintaining accountability in the supply chain is an ongoing process for Intel during his keynote presentation at 2016 CES (Consumer Electronics Show) on Tuesday, January 5, 2016 in Las Vegas, Nevada.  CES is one of the world’s largest gathering places for all who thrive on consumer technologies and will run January 5-9, 2016 in Las Vegas. (Photo by Intel Corporation/Bob Riha, Jr.) **"Conflict free" and "conflict-free" means "DRC conflict free", which is defined by the U.S. Securities and Exchange Commission rules to mean products that do not contain conflict minerals (tin, tantalum, tungsten and/or gold) that directly or indirectly finance or benefit armed groups in the Democratic Republic of the Congo (DRC) or adjoining countries. Our “conflict-free” statements in this press release may not apply to products of Altera Corporation, which we recently acquired on December 28, 2015. We also use the term "conflict-free" in a broader sense to refer to suppliers, supply chains, smelters and refiners whose sources of conflict minerals do not finance conflict in the DRC or adjoining countries. Additional information about Intel's conflict-free efforts is available at conflictfree.intel.com.

อินเทล คอร์ปอเรชั่น นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเพื่อสร้างประสบการณ์ตื่นตาตื่นใจในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับวงการกีฬาไปสู่โลกดิจิทัล ไปจนถึงวิทยาการความก้าวหน้าด้านสุขภาพ เพื่อปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ผ่านดนตรี ศิลปะ วิทยาการหุ่นยนต์ และสิ่งประดิษฐ์ นอกจากนี้ อินเทลยังได้ประกาศความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ พร้อมเผยโฉมผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิต

นายไบรอัน เคอซานิทช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวถึงความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าวงการกีฬาด้วยการนำเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการยกระดับประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย อินเทลประกาศความร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ช่องกีฬา ESPN* และ Red Bull Media House* เพื่อออกแบบโซลูชั่นส์ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับนักกีฬา และจะสร้างประสบการณ์การชมกีฬาที่น่าทึ่ง นอกจากนี้ยังร่วมมือกับแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง New Balance* และ Oakley* เพื่อพัฒนาอุปกรณ์กีฬาให้ทันสมัยและออกแบบให้เหมาะกับแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีของอินเทลยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน คิดค้น สร้างสรรค์ และค้นหาสิ่งแปลกใหม่ นายไบรอัน เคอซานิทช์ ได้ประกาศความร่วมมือระยะยาว กับ The Recording Academy® ในโครงการ Next Generation of GRAMMY® Momentsพร้อมให้การสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงและมีส่วนร่วมกับศิลปิน ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในวงการเพลง โดยจะเริ่มต้นประเดิมโครงการด้วยศิลปินไอคอนระดับโลก เจ้าของ 6 รางวัลแกรมมี่อวอร์ด “เลดี้ กาก้า”

ความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำเทรนด์แห่งอนาคตทั้ง 3 ประการ ซึ่งนายเคอซานิทช์ เคยกล่าวไว้ ได้แก่ โลกยุคใหม่ที่เชื่อมโยงกัน, เทคโนโลยีที่สามารถทำงานได้เหมือนประสาทสัมผัสของมนุษย์, และประมวลผลที่สามารถปรับแต่งเพื่อรองรับความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้นกว่าเก่า

“เทคโนโลยีมีบทบาทมากขึ้น ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และการเข้าถึงได้มากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน” นายเคอซานิทช์ กล่าว “ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนเลือกประสบการณ์การใช้งานมากกว่าตัวผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีของอินเทลได้เป็นตัวกระตุ้นในการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และตื่นตาตื่นใจให้เกิดขึ้น รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมและโลกที่เราอยู่”

นายเคอซานิทช์เน้นย้ำว่าอินเทลยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นความท้าทายทางสังคม ที่แวดวงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเผชิญ รวมถึงการวางแผนรับมือต่อต้านการคุกคามทางออนไลน์ ร่วมกับ Vox Media* และ Re/code* เพื่อสนับสนุนความหลากหลายและการเข้าถึง โดยนายเคอซานิทช์ยังยืนยันว่าอินเทลกำลังก้าวสู่อีกขั้นที่มากกว่าการเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมการประมวลผล แต่ยังให้ความสำคัญในด้านจริยธรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยจะใช้วัสดุจากแหล่งแร่ที่ปราศจากความขัดแย้งในผลิตภัณฑ์ที่มากขึ้น

“เมื่ออินเทลเริ่มต้นดำเนินงานกับปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับแหล่งแร่ธาตุและช่องว่างทางความหลากหลายและการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกคนล้วนบอกกับเราว่าเป้าหมายของเรานั้นเป็นสิ่งที่เป็นอุดมคติและเป็นไปไม่ได้” นายเคอซานิทช์ กล่าว “ความพยายามของเราทุกคนแสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำธุรกิจด้วยวิธีใหม่ที่ช่วยพัฒนาความเป็นมนุษย์”

รายละเอียดด้านล่างจากการบรรยายในงาน อินเตอร์เนชั่นแนล คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ 2016

ยกระดับประสบการณ์กีฬาสู่โลกดิจิทัล
• อินเทล ประกาศความร่วมมือกับสถานีกีฬา ESPN นำเสนอเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อยกระดับการแสดงผลข้อมูลในการแข่งขันกีฬา X Games Aspen 2016 ด้วยประสิทธิภาพของชิปอินเทล® เคียวรี่™ ที่นำไปติดตั้งไว้บนสโนว์บอร์ด เพื่อใช้ในการแข่งขัน Snowboard Slopestyle และ Snowboard Big Air ประเภทชาย เพื่อแสดงผลข้อมูลการแข่งขันแบบเรียลไทม์ เช่น การหมุมตัวกลางอากาศ ความสูงของการกระโดด ระยะทางในการกระโดด ความเร็ว และแรงในการลงสู่พื้น การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันสามารถพัฒนาฝีมือ นอกจากนี้ในการรับชมการแข่งขัน ผู้ชมทั้งทางบ้านและในสนามสามารถรับฟังการวิเคราะห์ที่รวดเร็ว สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ การแข่งขันจะถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง ESPN และ ABC*
• อินเทล และ Red Bull Media House ประกาศความร่วมมือระดับโลกซึ่งจะขยายผลไปยังแพลตฟอร์มและช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น นายอานเดรอาส กาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยีของ Red Bull Media House ได้ปรากฎตัวบนเวทีคู่กับนายเคอซานิทช์ เพื่อสาธิตความสามารถของเทคโนโลยีอินเทล เคียวรี่ ที่ช่วยให้นักกีฬาและผู้ชม สามารถรับข้อมูลสมรรถนะของนักกีฬาจากการแข่งขันได้ทันที พร้อมกันนี้ยังได้กล่าวถึงผลงานการพัฒนาอีกมากมายที่กำลังจะตามมาในปี 2559 นี้
• อินเทล ร่วมมือกับ Replay Technologies เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ในการรับชมให้กับแฟนกีฬาทั้งผู้ชมทางบ้านและในสนามแข่งขัน ด้วยเทคโนโลยี FreeD™ จาก Replay ซึ่งทำให้ผู้ชมสามารถรับชมช่วงเวลาสำคัญของการแข่งขันย้อนหลังได้จากหลากหลายมุมมองและยังสามารถตัดต่อและแชร์คลิปในแบบของตัวเองได้อีกด้วย เทคโนโลยี FreeD™ ขับเคลื่อนโดย อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจอเนอเรชั่นที่ 6 และ อินเทล เซิร์ฟเวอร์ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับ

เปลี่ยนโฉมวิทยาการเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
• อินเทล และ New Balance ประกาศความร่วมมือทางกลยุทธ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์สวมใส่ (Wearable) ที่เชื่อมโยงนักกีฬาเข้ากับเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนกกีฬาดิจิทัลของ New Balance นายเคอซานิทช์และ นายร็อบ เดอมาร์ตินี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ New Balance ได้สวมรองเท้าวิ่งซึ่งผลิตโดยเฉพาะจากเทคโนโลยี 3-D printed midsoles ขับเคลื่อนด้วยอินเทล® เรียลเซนส์™ และยังได้เผยถึงแผนการพัฒนานาฬิกาข้อมือสำหรับนักกีฬา ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงเทศกาลวันหยุด ปลายปี 2559
• Oakley และ อินเทล เผยโฉม Radar Pace แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงและให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ เป็นครั้งแรกในโลก Oakley เป็นแบรนด์แรกในเครือ Luxottica ที่อินเทลร่วมพัฒนาแว่นตาสำหรับกีฬาระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมระบบอัจฉริยะ ด้วยเทคโนโลยีของอินเทลผสานกับกระบวนการผลิตที่ประณีตและวัสดุที่มีคุณภาพของ Oakley แว่นตาอัจฉริยะนี้จะช่วยให้นักวิ่ง นักปั่น และผู้รักการออกกำลังกาย ได้รับข้อมูลและผลวิเคราะห์ในขณะฝึกซ้อมหรือแข่งขัน เพื่อติดตามผลงานและพัฒนาศักยภาพของตนเองแบบเรียลไทม์

ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์:
• ศิลปินระดับไอคอนชื่อก้องโลก เลดี้ กาก้า เจ้าของ 6 รางวัลแกรมมี่อวอร์ด ได้แถลงการณ์วันนี้ถึงความร่วมมือกับอินเทล หลังจากที่อินเทลได้ประกาศความร่วมมือระยะกลางกับ เดอะ เรคคอร์ดดิ้ง อคาเดมี (The Recording Academy®) ภายใต้โครงการ Next Generation of GRAMMY® Moments ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงสัปดาห์การแจกรางวัลแกรมมี่อวอร์ด ในเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ เลดี้ กาก้า กล่าวว่า “ อินเทลได้ร่วมมือกับ เฮ้าส์ ออฟ กาก้า (Haus of Gaga) เพื่อริเริ่มโครงการที่จะนำเสนอเทคโนโลยีที่สร้างจากความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ความร่วมมือนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อย้ำเตือนโลกถึงความสำคัญของการปลูกฝังนวัตกรรม” แม้ว่าเลดี้ กาก้า จะไม่แสดงผลงานใหม่ล่าสุดสำหรับโครงการครั้งนี้ แต่เธอให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำเสนอประสบการณ์ที่โลกจะไม่มีวันลืม
• กลุ่มรายการโทรทัศน์ของ เอ็มจีเอ็ม* พร้อมด้วยประธานฝ่ายรายการดิจิทัล นาย มาร์ค เบอร์เน็ตต์ ได้ร่วมกับนายเคอซานิทช์ บนเวทีเพื่อนำเสนอตัวอย่างของ รายการการแข่งขัน America’s Greatest Makers ซี่งเป็นรายการแข่งขันของนักประดิษฐ์ที่มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาให้กลายเป็นความจริง ตั้งแต่การพัฒนาระบบดูแลสุขภาพ วิธีการสื่อสารแบบใหม่ ไปจนถึงการทดสอบขอบเขตของจินตนาการ รายการนี้จะออกอากาศเป็นครั้งแรกในช่วงกลางปีนี้ทางสถานีโทรทัศน์ ทีบีเอส (TBS) โดยรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือครั้งใหญ่ที่รวมถึงการได้ออกอากาศทางการรายงานข่าวของ CNN.com* Bleacher Report* และแบรนด์อื่นๆในเครือของเทอร์เนอร์อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเปิดตัวศูนย์ข้อมูลความรู้ออนไลน์ http://www.americasgreatestmakers.com เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักประดิษฐ์ นวัตกรรมล่าสุด และการอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี รวมทั้งข้อมูลดิจิทัลที่น่าสนใจในทุกๆสัปดาห์อีกด้วย
• ความเป็นผู้นำของอินเทลในการบูรณาการ การรับรู้มนุษย์กับเทคโนโลยีต่างๆ ยังคงเป็นไปอย่างเข้มแข็ง: ในอากาศยานไร้คนขับ หรือ UAVs นายเคอซานิทช์ได้สาธิตเครื่อง ยูนีค ไต้ฝุ่น เอช (Yuneec* Typhoon H*) ที่มีเทคโนโลยี อินเทล เรียลเซนส์ ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องมีความสามารถในการหลบเลี่ยงการปะทะ และจะวางจำหน่ายในช่วง ครึ่งปีแรกของปีนี้ สำหรับด้านวิทยาการหุ่นยนต์ นายเคอซานิทช์ได้นำเสนอพาหนะส่วนตัวแบบเครื่องเซคเวย์* จากแบรนด์ ไนน์บ็อท* ซึ่งสามารถแปลงร่างเป็นหุ่นยนต์ได้ แพลตฟอร์มที่ใช้เป็นตัวกล้อง อินเทล เรียลเซนส์ ZR300 สำหรับขับเคลื่อนในสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้อย่างดีและสามารถตอบโต้กับผู้ใช้งานและเซ็นเซอร์ต่างๆภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาด เนื่องจากมีการใช้หน่วยประมวลผล อินเทล อะตอม เซคเวย์ต้องการที่จะวางจำหน่ายหุ่นยนต์นี้และจะริเริ่มด้วยการนำเสนออุปกรณ์สำหรับดีเวลลอปเปอร์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

พัฒนาประสบการณ์ด้านอื่นๆ:
• นายเคอซานิทซ์ได้ไฮไลท์แผนสำหรับความพยายามในการต่อต้านการคุกคามบนโลกออนไลน์ ร่วมกับ Vox Media* และ Re/code* โครงการนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 7 มกราคม และจะช่วยให้โลกอัจฉริยะและเชื่อมโยงใบนี้ กลายเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและครอบคลุมมากขึ้น
• การตรวจสอบบัญชีจากหน่วยงานภายนอก และการตรวจสอบความน่าเชื่อถือโดยตรงผ่านองค์กรด้านห่วงโซ่อุปทานของอินเทล จะสามารถยืนยันได้ว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากกว่าหน่วยประมวลผลของบริษัทนั้น ผ่านกระบวนการผลิตอย่างมีจริยธรรม การดำรงซึ่งความรับผิดชอบภายใต้ห่วงโซ่อุปทานนั้น เป็นกระบวนการต่อเนื่องของอินเทล

อินเทลเผยสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูงรูปแบบใหม่ พร้อมนำเทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์ออกสู่ตลาดหลัก


image

อินเทล คอร์ปอเรชั่น เผยความคืบหน้าล่าสุดในการพัฒนาโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรม Intel®Scalable System Framework (Intel® SSF) ที่มุ่งนำเสนอเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง (High-Performance Computing; HPC) มาสู่ภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลายและรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ โดยในโอกาสนี้ อินเทลได้แนะนำระบบเครือข่าย Intel® Omni-Path Architecture (Intel® OPA), ซึ่งเป็นมาตรฐานเครือข่ายรูปแบบใหม่สำหรับระบบคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง อันจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำ HPC มารใช้งานได้แพร่หลายมากขึ้น
ในอดีต มีแต่เพียงองค์กรของรัฐและหน่วยงานทางวิชาการเท่านั้นที่จะนำศักยภาพของ HPC มาจัดการกับภารกิจที่ท้าทาย เช่นการหาลำดับคู่จีโนมหรือการวิจัยสภาพอากาศ แต่ในปัจจุบัน เทคโนโลยีใน HPC ได้เข้าไปมีบทบาทในหลายอุตสาหกรรม เพื่อรับมือกับการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ มากมาย เช่นการวิเคราะห์ข้อมูลในปริมาณมากระดับ “บิ๊ก ดาต้า” เป็นต้น ส่วนวงการสาธารณสุข การเงิน และอื่น ๆ ก็ต้องการสมรรถนะระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทั้งซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ในแบบเรียลไทม์ นวัตกรรมล่าสุดของอินเทลไม่เพียงแต่เสริมสมรรถนะของ HPC เท่านั้น แต่ยังช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใน HPC ได้ง่ายขึ้น จึงคาดการณ์ได้ว่าเทคโนโลยีนี้จะก้าวเข้าสู่กระแสหลักในโลกธุรกิจในอนาคตอันใกล้

“เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่ที่พลิกโฉมให้เทคโนโลยีซูเปอร์คอมพิวเตอร์กลายเป็นเครื่องมือใช้สอยทั่วไป แทนที่จะเป็นเครื่องมือพิเศษสำหรับปัญหาพิเศษบางอย่างเท่านั้น” ชาร์ลี วุยช์พาร์ด รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจแพลตฟอร์ม HPC ของอินเทล กล่าว “นวัตกรรมใหม่ ๆ ของระบบ ในด้านการประมวลผล หน่วยความจำ ซอฟต์แวร์ และโครงสร้างเครือข่าย ช่วยให้เราสามารถออกแบบระบบ HPC ยุคใหม่ที่ปรับแต่งให้รองรับการใช้งานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งในHPC แบบเดิมไปจนถึงโลกในยุค บิ๊ก ดาต้า นี้ ซึ่งเราเชื่อว่าโครงสร้างสถาปัตยกรรม อินเทล SSF จะเป็นเสมือนประตูสู่เทคโนโลยีของ HPC แห่งอนาคตที่พร้อมมอบสมรรถนะระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ให้กับผู้คนทุกหนแห่ง”
อินเทล SSF เป็นโครงสร้างระบบสถาปัตยกรรมที่ล้ำยุค ออกแบบขึ้นเพื่อให้ระบบของ HPC มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรองรับการขยายตัว และมีความสมดุลมากขึ้น สถาปัตยกรรมใหม่นี้จะช่วยให้กระบวนการจัดซื้อ วางระบบ และบริหารจัดการมีความซับซ้อนลดน้อยลง เปิดโอกาสให้ธุรกิจในหลายภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงเทคโนโลยี HPC ได้ง่ายขึ้น จึงสามารถรับมือกับเนื้องานใหม่ ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูล การแสดงภาพจากข้อมูล หรือระบบการเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์
อินเทล SSF สามารถรับมือกับงานรูปแบบต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มุ่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละส่วนในระบบให้ตรงตามความต้องการของงานนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยประมวลผล หน่วยความจำ หรือส่วนป้อนและรับข้อมูล นอกจากนี้ อินเทล SSF ยังเป็นแพลตฟอร์มมาตรฐานที่เหมาะสมสำหรับการวางระบบ HPC ที่ต้องทำงานประสานกับคลาวด์

อินเทลเผยโฉมชิปประมวลผล อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6


image

อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัวชิปประมวลผลตระกูล อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์เจนเนอเรชั่นที่ 6 อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ โดยถือเป็นชิปประมวลผลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของอินเทล ทั้งยังเป็นตัวแทนของจุดเปลี่ยนในด้านความสัมพันธ์ระหว่างคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้งานอีกด้วย อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์รุ่นที่ 6 นี้ มีประสิทธิภาพที่โดดเด่นกว่ารุ่นก่อน ๆ พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่กลับใช้พลังงานต่ำเป็นประวัติการณ์ และยังรองรับอุปกรณ์สารพัดรูปแบบได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่คอมพิวต์ สติ๊ก ขนาดจิ๋ว และ แล็ปท็อปแบบทูอินวัน ไปจนถึงเดสก์ท็อปแบบออลอินวัน และเวิร์กสเตชั่นทรงพลังในรูปแบบพกพา
ในปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องทั่วโลกที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 4-5 ปีเป็นอย่างต่ำคอมพิวเตอร์เหล่านี้ อาจใช้เวลานานในขั้นตอนการเปิดเครื่องใช้งาน แบตเตอรี่ไม่ทนทาน และไม่สามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบใหม่ดังเช่นคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุดได้ อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 พัฒนาขึ้นจากสถาปัตยกรรม “สกายเลค” ระดับ 14 นาโมเมตร จึงสามารถมอบประสิทธิภาพที่รวดเร็วขึ้นสูงสุดถึง 2.5 เท่าตัว แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น 3 เท่าตัว และมีสมรรถนะด้านกราฟฟิกที่ดีกว่าเดิมถึง 30 เท่าตัว ทั้งเพื่อการเล่นเกมและรับชมคอนเทนท์วิดีโอ เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์อายุ 5 ปีทั่วๆ ไป นอกจากนี้ แล็ปท็อปที่ใช้ชิปรุ่นล่าสุดนี้ยังอาจบางและเบากว่าถึงเท่าตัว พร้อมใช้งานอย่างรวดเร็วเมื่อเปิดเครื่อง และกินไฟน้อยจนแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เต็มวัน

“อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 มาพร้อมกับสุดยอดเทคโนโลยีล้ำยุคมากมาย” นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิปรุ่นนี้จะตอบสนองทุกการใช้งานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพ การใช้พลังงาน และระบบรักษาความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังรองรับประสบการณ์การใช้งานเครื่องพีซีในรูปแบบใหม่ เช่นการล็อกอินเข้าใช้งานโดยจำหน้าผู้ใช้ หรือระบบผู้ช่วยส่วนตัวสุดอัจฉริยะที่สั่งงานได้ด้วยเสียง การเปิดตัวชิป อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ ควบคู่กับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 10 และคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่จากผู้ผลิตทุกรายในตลาด ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการเลือกจับจองพีซีใหม่สักเครื่อง”

ชิป อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ขุมพลังเบื้องหลังดีไวซ์รุ่นล่าสุด

อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 รองรับดีไวซ์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบสนองกับทุกความต้องการในการใช้งาน อินเทล® คอร์™ เอ็ม โปเซสเซอร์ ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าชิปประมวลผลในแท็บเล็ตระดับพรีเมียมทั่วไปถึงสองเท่าตัว จะออกทำตลาดภายใต้ชื่อ อินเทล คอร์ m3 m5 และ m7 โปรเซสเซอร์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพตรงกับความต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนอินเทล® คอมพิวต์ สติ๊ก พีซีขนาดจิ๋ว ก็ได้มีรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป คอร์ เอ็ม เจนเนอเรชั่นที่ 6 ออกวางตลาดแล้วในประเทศไทยเช่นกัน

นอกจากนี้ ชิปอินเทลรุ่นล่าสุดนี้ยังนำเสนอนวัตกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มโมบายล์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นชิปตระกูล K ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อกสมรรถะได้อย่างเต็มที่ด้วยการโอเวอร์คล็อก ชิป อินเทล® คอร์™ i5 แบบควอดคอร์ ที่ทำให้การใช้งานหลายแอพพร้อมกันรวดเร็วขึ้นสูงสุดถึง 60% และชิป อินเทล® ซีออน® E3 สำหรับแล็ปท็อปเพื่อการทำงานระดับเวิร์กสเตชัน ส่วนในด้านกราฟฟิก อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 พร้อมมอบสมรรถนะการแสดงผลที่สูงขึ้น ทั้งในการเล่นเกม หรือการตัดต่อและเล่นวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ขณะที่เทคโนโลยี อินเทล® สปีด ชิฟท์ ทำให้เครื่องแล็ปท็อปสามารถตอบสนองต่อคำสั่งได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เช่นในกรณีของการแต่งภาพด้วยฟิลเตอร์ ซึ่งอาจเร็วขึ้นได้สูงสุดถึง 45%

อินเทล คอร์ และอินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 นี้ ยังมีคุณสมบัติเด่นอีกมากมาย เช่นการรองรับเทคโนโลยี ธันเดอร์โบลท์™ 3 เพื่อให้พอร์ทยูเอสบี ไทพ์-ซีสามารถรองรับทุกอุปกรณ์ได้ในพอร์ทเดียว ส่วนเทคโนโลยีกล้อง อินเทล® เรียลเซนส์™ ที่สามารถอ่านความลึกของภาพที่ถ่ายได้ในแบบสามมิติ จะมีให้เลือกใช้ในเครื่องทูอินวัน แล็ปท็อป และเดสก์ท็อปแบบออลอินวันหลายรุ่น โดยจะทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบสามมิติ สแกนและพิมพ์วัตถุด้วยเครื่องพรินเตอร์สามมิติ หรือลบและเปลี่ยนฉากหลังได้ในขณะใช้แอพสนทนาผ่านวิดีโอ

อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ถือเป็นก้าวต่อไปในแนวทางการพัฒนาสู่โลกไร้สายของอินเทล ด้วยการรองรับเทคโนโลยี อินเทล® ไวได (WiDi) และ โปร ไวได (Pro WiDi) อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถแสดงภาพจากเครื่องพีซีได้ทั้งบนจอโทรทัศน์ มอนิเตอร์ หรือโปรเจกเตอร์ โดยไม่ต้องต่อสายหรือเสียบดองเกิล

สำหรับผู้ใช้วินโดวส์® 10 ชิป อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ก็รองรับคุณสมบัติใหม่ของระบบปฏิบัติการรุ่นนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น คอร์ทานา หรือ วินโดวส์ เฮลโล เพื่อเปิดประตูสู่โลกของการใช้งานและตอบโต้กับดีไวซ์อย่างเป็นธรรมชาติ พีซีที่ติดตั้งกล้อง อินเทล เรียลเซนส์ และรองรับเทคโนโลยี วินโดวส์ เฮลโล จะสนับสนุนการล็อกอินเข้าใช้งานด้วยการจดจำใบหน้า ส่วนเทคโนโลยี ทรู คีย์™ โดยอินเทล ซีเคียวริตี้ ก็จะช่วยให้พีซีที่ใช้อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 หลายรุ่น รองรับการล็อกอินเข้าใช้งานเครื่องหรือเว็บไซต์ต่างๆ ได้โดยไม่ต้องจำรหัสผ่าน

ดีไวซ์ประเภทแล็ปท็อป ทูอินวัน และเดสก์ท็อปที่มาพร้อมกับชิป อินเทล® คอร์™ เจนเนอเรชั่นที่ 6 ได้เริ่มทยอยเปิดตัวออกสู่ตลาดในประเทศไทยแล้วในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนผู้ใช้งานระดับสูงที่ต้องการประกอบเครื่องเดสก์ท็อปด้วยตนเอง ก็สามารถเป็นเจ้าของชิป อินเทล คอร์ i5 และ i7 ในเจนเนอเรชั่นที่ 6 ได้แล้ววันนี้

เตรียมพบกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก อินเทล® ไอริส™ เทคโนโลยี อินเทล® วีโปร™ สำหรับภาคธุรกิจ พร้อมด้วยอุปกรณ์ IoT รุ่นล่าสุดเร็ว ๆ นี้

ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ อินเทลจะเปิดตัวอินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 เพิ่มเติมอีกมากกว่า 48 รุ่น โดยจะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟฟิก อินเทล® ไอริส™ และ ไอริส โปร ขณะที่ อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ ซีรีส์ E3-1500M สำหรับเครื่องเวิร์กสเตชันแบบพกพา และ อินเทล® วีโปร™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 สำหรับภาคธุรกิจ ก็จะทยอยออกวางจำหน่ายเร็ว ๆ นี้เช่นกัน ลูกค้าสามารถจับจองอุปกรณ์ที่ใช้ชิปรุ่นล่าสุดนี้ได้แล้ววันนี้ โดยผู้ผลิตอุปกรณ์จากทั่วโลกจะพากันเปิดตัวพีซีและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่ใช้ชิปรุ่นที่ 6 ออกสู่ตลาดอีกมากมายหลายรุ่น นอกจากนี้ อินเทลเองยังมีผลิตภัณฑ์ Internet of Things (IoT) ที่ใช้อินเทล® คอร์™ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่นที่ 6 อีกถึง 25 รุ่น ที่รองรับอายุการใช้งานสูงสุดถึง 7 ปี ใช้งานฟังก์ชัน ECC (error-correcting code) ได้ในหลายระดับพลังงาน และออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระบบ IoT อย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่อุปกรณ์ปลายทางไปจนถึงระบบคลาวด์ที่เป็นศูนย์กลาง จึงเหมาะสมสำหรับการใช้งานทั้งในวงการค้าปลีก การแพทย์ ภาคอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ระบบรักษาความปลอดภัย

อินเทล ปฎิวัติวงการแฟชั่นด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้น เปิดประสบการณ์ใหม่แก่เหล่าแฟชั่นนิสต้าในนิวยอร์ค แฟชั่น วีค


NEW YORK, NY - SEPTEMBER 11:  Models walk down the runway during the Chromat fashion show during Spring 2016 New York Fashion Week at Milk Studios on September 11, 2015 in New York City.  (Photo by Fernando Leon/Getty Images for Chromat)

NEW YORK, NY – SEPTEMBER 11: Models walk down the runway during the Chromat fashion show during Spring 2016 New York Fashion Week at Milk Studios on September 11, 2015 in New York City. (Photo by Fernando Leon/Getty Images for Chromat)p

ปัจจุบันเทคโนโลยีได้กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ไปเสียแล้ว เพราะเทคโนโลยีนำมาซึ่งความสะดวกสบายและความก้าวหน้าทั้งในด้านการทำงาน การออกกำลังกาย หรือการเดินทาง จึงไม่น่าแปลกใจที่วงการแฟชั่นระดับโลกจะรีบคว้านวัตกรรมใหม่ๆ จากบริษัทไอทีและเทคโนโลยีชั้นนำทั้งหลาย เข้าไปผสมผสานกันออกมาเป็นคอลเล็กชั่นที่โดดเด่นและล้ำสมัยมากขึ้น และในปีนี้ อินเทลก็ได้ส่งเทคโนโลยีของตนเองเข้าไปร่วมเฉิดฉายบนแคทวอล์คในมหานครนิวยอร์ค ร่วมกับแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกในงาน นิวยอร์ค แฟชั่น วีค 2015 ด้วยเช่นกัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งาน นิวยอร์ค แฟชั่น วีค ได้มีบทบาทสำคัญในการเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานดีไซน์นำเทรนด์ที่ได้มีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปกับแฟชั่น เช่น เทคโนโลยีและอุปกรณ์สวมใส่ หรือ wearables ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่หนุ่มสาวผู้มีไลฟ์สไตล์สุดชิค ซึ่งแบรนด์ชั้นนำหลายแบรนด์ก็ได้ริเริ่มการทำงานร่วมกับผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกในการออกแบบอุปกรณ์ wearables ที่ไม่เพียงแต่ดีไซน์ล้ำแต่ยังคงความเก๋ไก๋ อาทิ ความร่วมมือระหว่างแบรนด์ Diane Von Furstenberg กับ Google Glass หรือ แบรนด์ Opening Ceremony ที่จับมือกับอินเทล เปิดตัวกำไลข้อมืออัจฉริยะ (MICA smart bracelet) ดีไซน์สวยเก๋ ที่รวมฟังก์ชั่นการใช้งานกับความสวยงามเข้ามาอยู่ในของชิ้นเดียวกัน ล่าสุดอินเทลได้ร่วมมือกับแบรนด์แอคเซสเซอร์รี่สุดเท่อย่าง Fossil ในการพัฒนาอุปกรณ์ wearables ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดียได้อย่างไม่สะดุดและมีสไตล์

ส่วนในงานปีนี้ วงการแฟชั่นได้ก้าวไปอีกขั้นจากเทรนด์อุปกรณ์ wearables สู่เทรนด์เสื้อผ้าอัจฉริยะ แฟชั่นได้กลายเป็นมากกว่าเรื่องความสวยงาม แต่คำนึงถึงการออกแบบคอลเล็กชั่นให้มีเอกลักษณ์ที่ส่งเสริมความโดดเด่น สะดวกสบายให้แก่ผู้สวมใส่มากขึ้น จึงอาจเรียกได้ว่าเทคโนโลยีได้เปิดทางให้เหล่าดีไซเนอร์ได้สนุกสนานกับการรังสรรค์เสื้อผ้าที่มีฟังก์ชั่นพิเศษควบคู่ไปกับความสวยงามด้วย หนึ่งในผลงานเด่นจากงาน คือ การจับมือระหว่างอินเทลและแบรนด์น้องใหม่จากอเมริกา Chromat ซึ่งได้ออกแฟชั่นชุดชั้นใน smart bra หรือสปอร์ตบราอัจฉริยะ ด้วยการนำเอาเทคโนโลยี อินเทล® เคียวรี่™ (Intel® Curie™) เข้ามาช่วยควบคุมให้ตัวชุดชั้นในสามารถปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์และฟังก์ชั่นตามอุณหภูมิร่างกาย การขยับตัวของร่างกาย หรือสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ เพื่อเพิ่มความสบายและความคล่องตัวในการสวมใส่ให้เหมาะสมกับผู้ใส่ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆให้มากที่สุด

นอกจากการผสานเทคโนโลยีเข้ากับเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์สวมใส่แล้ว อนาคตของโลกแฟชั่นยังมองไปถึงการพัฒนาประสบการณ์ช้อปปิ้งโดยรวมของเหล่าแฟชั่นนิสต้ายุคใหม่ ตั้งแต่การเลือกเสื้อผ้าจนถึงการทดลองใส่ในห้างร้าน โดยอินเทลก็ไม่พลาดที่จะมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นด้วย เทคโนโลยี เมโมรี่ มิเรอร์™ (MemoryMirror™) ของอินเทลที่นำมาตั้งให้ผู้ที่มาร่วมงานแฟชั่นวีคได้ทดลองสวมเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่ไม่ได้มีโอกาสใส่กันง่ายๆ บนจอให้เสมือนสวมใส่อยู่จริง ตัวเมโมรี่ มิเรอร์™ ใช้เทคโนโลยีใหม่ อย่าง อินเทล® เรียลเซนส์™ (Intel® RealSense™) และอินเทล® คอร์™ i7 ในการออกแบบกระจกที่สามารถแสดงภาพจำลองให้ผู้ทดลองสวมเสื้อผ้าได้โดยไม่ต้องถอดเสื้อ เหมาะสำหรับนักช้อปที่ต้องการความสะดวกสบายไม่ต้องคอยถอดใส่เสื้อผ้าให้เหนื่อย หรือเสี่ยงทำให้เสื้อผ้าที่ผ่านการตัดเย็บด้วยความประณีตต้องเสียหายด้วย โดยห้างชั้นนำในนิวยอร์ค อาทิ Neiman Marcus ก็ได้เริ่มมีการนำกระจก เมโมรี่ มิเรอร์™ ไปใช้ในห้างแล้ว

imageงานนิวยอร์ค แฟชั่น วีค ยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำเทคโนโลยีโดรนขนาดเล็กเข้ามามีส่วนช่วยในการเพิ่มอรรถรสในการรับชมแฟชั่นโชว์อีกด้วย เพื่อเอาใจขาช้อปหน้าจอให้ได้สัมผัสประสบการณ์ นิวยอร์ค แฟชั่น วีค แบบจัดเต็มเหมือนได้ไปร่วมงานด้วยตัวเอง โดยแบรนด์มาแรงอย่าง Rebecca Minkoff เป็นเจ้าแรกที่ได้ร่วมมือกับอินเทลในครั้งนี้ เพื่อใช้โดรนในเก็บภาพสวยๆจากมุมด้านบนของโชว์บนรันเวย์จากมุมมอง 360 องศา

งานนิวยอร์ค แฟชั่น วีค ครั้งนี้ จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปฎิวัติวงการแฟชั่น ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกายแห่งอนาคตที่รู้ใจและอำนวยความสะดวกแก่ผู้สวมใส่มากยิ่งขึ้น และการนำนวัตกรรมต่างๆ มาพัฒนาประสบการณ์ช้อปปิ้งทั้งเบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ในอีกไม่ช้าเทคโนโลยีก็คงจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของวงการแฟชั่นแห่งอนาคต ที่จะทำให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้สนุกไปกับการแต่งตัวด้วยเทคโนโลยีสุดไฮเทคอีกด้วย

อินเทล ร่วม Doonee.com จัดโปรฯ ซื้อคอมพิวต์ สติ๊กวันนี้ ดูซีรีย์ฟรี 30 วันไม่อั้น


Compute Stick Doonee Promotion-brochure

อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย)  จัดโปรโมชั่นร่วมกับเว็ปไซต์ Doonee.com รับคูปองดูซีรี่ย์ออนไลน์แบบ HD ได้ฟรี 30 วันทันที เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ อินเทล® คอมพิวต์ สติ๊ก (Intel Compute Stick) ตั้งแต่วันนี้ ถึง 18 ตุลาคม 2558

อินเทล คอมพิวต์  สติ๊ก (Intel Compute Stick) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีศักยภาพในการทำงาน และยังติดตั้งพกพาสะดวก เพียงแค่เสียบตัวเครื่องเข้ากับพอร์ท HDMI ของโทรทัศน์หรือจอมอนิเตอร์เท่านั้น ผู้ใช้งานก็สามารถเพลิดเพลินกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างออกไป แต่ยังคงตอบโจทย์การใช้งานของคอมพิวเตอร์ในขั้นพื้นฐาน โดยคอมพิวต์  สติ๊ก ใช้ชิปประมวลผล อินเทล® อะตอม™ Z3735F (Intel® Atom™ Processor) แบบ ควอด คอร์ (Quad core) และมีพื้นที่เก็บข้อมูล 32 กิ๊กกะไบต์ พร้อมหน่วยความจำ 2 กิ๊กกะไบต์ และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในการรองรับการเชื่อมต่อไว-ไฟ (Wi-Fi) มีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด (Micro SD Card) เพื่อเพิ่มความจุในการเก็บข้อมูล ตัวจ่ายไฟแบบมินิ-ยูเอสบี (mini-USB) และ บลูทูธ* 4.0 (Bluetooth 4.0) สำหรับเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดและเมาส์แบบไร้สาย วางจำหน่ายในราคา 5,890 บาท

เนื่องจาก อินเทล® คอมพิวต์  สติ๊ก สามารถเปลี่ยนจอแสดงภาพระบบ HDMI จอใดก็ได้ให้กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับพื้นฐาน ผู้ใช้จึงสามารถเพลิดเพลินกับการใช้งานเพื่อความบันเทิงในการเปิดคอนเทนท์มัลติมีเดียมากมาย ทั้งที่เก็บไว้ในตัวเครื่องเองและผ่านการสตรีมออนไลน์ จึงสามารถเพิ่มความสะดวกในการใช้งานโดยไม่ลดหย่อนทางประสิทธิภาพ อินเทล ประเทศไทย จึงขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคไทยสัมผัสประสบการณ์ใหม่ เปลี่ยนทีวีธรรมดาให้เป็นสมาร์ททีวีเพื่อการรับชมภาพยนตร์และซีรีย์ออนไลน์แบบเต็มทุกอรรถรส ผ่าน คอมพิวต์®  สติ๊ก ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษกับ Doonee.com รับคูปองมูลค่า 169 บาท ดูซีรี่ย์ออนไลน์แบบ HD ได้ฟรี 30 วัน สนุกกันได้ทั้งครอบครัว เมื่อซื้อ อินเทล® คอมพิวต์  สติ๊ก ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2558 และสามารถใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 มกราคม 2559

อินเทลเปิดโอกาสใหม่ให้นักพัฒนาร่วมขยายประสบการณ์เทคโนโลยีให้ครอบคลุมทุกด้านของชีวิต


IDF15_Bk_keynote_5386

นายไบรอัน เคอร์ซานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอินเทล กล่าวเปิดงาน อินเทล ดีเวลอปเปอร์ ฟอรัม (IDF) ประจำปี 2558 พร้อมเผยโฉมผลิตภัณฑ์ เครื่องมือ และซอฟต์แวร์ใหม่ที่จะเข้ามารองรับประสบการณ์การใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังเน้นย้ำถึงแนวโน้มในวงการไอทีที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์

ในโอกาสนี้ นายเคอร์ซานิชได้เน้นย้ำถึงรูปแบบการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น จนทำให้เทคโนโลยีเข้าไปมีบทบาทในแทบทุกด้านของชีวิต “ทุกวันนี้ เรามีคอมพิวเตอร์อยู่บนโต๊ะทำงาน ในกระเป๋า บนเสื้อผ้า ในบ้านและยังพกพาติดตัวอีกด้วย คอมพิวเตอร์เหล่านี้ นอกจากจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อมต่อกับเครือข่ายได้กว้างขวางขึ้นแล้ว ยังรับรู้ และตอบสนองต่อผู้ใช้ได้มากขึ้น จนกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของผู้ใช้งานไปแล้ว”

ในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมไอที อินเทลจึงมีบทบาทสำคัญในการร่วมผลักดันการพัฒนาของอุตสาหกรรมที่เปิดโอกาสสู่การประมวลผลแบบใหม่ๆ โดยนายเคอร์ซานิชได้เปิดเผยถึงผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และเครื่องมือใหม่ๆ มากมายจากอินเทลที่จะช่วยให้นักพัฒนาได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แปลกใหม่และหลากหลายให้กับผู้ใช้

นายเคอร์ซานิชได้เผยถึงความคืบหน้าในการพัฒนาให้เทคโนโลยีกล้อง เรียลเซนส์TM ที่สามารถแยกแยะความลึกตื้นของวัตถุในภาพได้นั้น สามารถนำไปติดตั้งในดีไวซ์ใหม่ๆ และประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น ขณะที่ในด้านเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) บริษัทก็ได้ประกาศผนึกกำลังกับคู่ค้ารายใหม่รวมทั้งยังเปิดตัวซอฟต์แวร์และชุดเครื่องมือเพื่อสนับสนุนให้การพัฒนาโซลูชั่น IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและคล่องตัวยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นายเคอร์ซานิชยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดในการพัฒนาโมดูล อินเทล® คูรี™ พร้อมด้วยการเปิดตัว “America’s Greatest Makers” รายการเรียลลิตี้สำหรับยอดนักประดิษฐ์จากฝีมือการสร้างสรรค์ของมาร์ค เบอร์เน็ตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ยูไนเต็ด อาร์ทิสท์ มีเดีย กรุ๊ป* ซึ่งจะออกอากาศทางช่องโทรทัศน์ในเครือเทอร์เนอร์ บรอดคาสติ้ง* เร็วๆ นี้

งานอินเทล ดีเวลอปเปอร์ ฟอรัม (IDF) จัดขึ้นทุกปีเพื่อเป็นเวทีให้อินเทลได้แสดงวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีแห่งอนาคตให้นักพัฒนาและคู่ค้าในอุตสาหกรรมได้รับทราบ เพื่อทำความเข้าใจ และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระบบ สื่อบันเทิง และอุปกรณ์ที่จะสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้ โดยในปีนี้ มีไฮไลท์ที่สำคัญดังนี้

Fingers_Curie_Blue

  • เทคโนโลยี อินเทล เรียลเซนส์ จะพร้อมใช้บนแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างกว้างขวางมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนานำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ใหม่ๆ โดยนอกจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์* และแอนดรอยด์* แล้ว เรียลเซนส์ยังสามารถทำงานได้กับแมค โอเอส เอ็กซ์* อาร์โอเอส*  ลินุกซ์*  สแครทช์*  ยูนิตี้*  เอ็กซ์สปลิท*  โอบีเอส*  สตรักเจอร์ เอสดีเค*  โอเอสวีอาร์*  อันเรียล เอนจิน 4*  และกูเกิล โปรเจกต์ แทงโก* นอกจากนี้ เรเซอร์*  เอ็กซ์สปลิท* แซฟวีโอ๊ค* และทีมนักพัฒนาอีกจำนวนหนึ่งยังได้เผยโฉมแพลตฟอร์ม อุปกรณ์ และโซลูชั่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีนี้อีกด้วย
  • อินเทลและกูเกิลประกาศความร่วมมือเพื่อยกระดับนวัตกรรมกล้องสามมิติสำหรับอุปกรณ์พกพาด้วยการผนึกเอาโปรเจกต์ แทงโก ของกูเกิล และอินเทล เรียลเซนส์ ไว้ในชุดอุปกรณ์เพื่อการพัฒนาซอฟต์แวร์บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ โดยเทคโนโลยีทั้งสองจะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่มากมาย ทั้งการนำทางและสำรวจพื้นที่ภายในอาคารแบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (virtual reality) ระบบสแกนวัตถุแบบสามมิติ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยชุดอุปกรณ์ดังกล่าวจะแจกจ่ายให้กับทีมนักพัฒนาแอนดรอยด์จำนวนหนึ่งภายในช่วงสิ้นปีนี้
  • อินเทลจับมือกับยูไนเต็ด อาร์ทิสท์ มีเดีย กรุ๊ป ซึ่งนำโดยนายมาร์ค เบอร์เน็ตต์ และเทอร์เนอร์ บรอดคาสติ้ง เพื่อผลิตรายการเรียลลิตี้ “America’s Greatest Makers” ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 นี้ โดยมีการเผยโฉมนักประดิษฐ์ที่จะเข้าร่วมชิงรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยการสร้างสรรค์อุปกรณ์เพื่อการสวมใส่และดีไวซ์อัจฉริยะต่างๆ จากโมดูล อินเทล คูรี
  • อินเทลเปิดตัวเทคโนโลยี อินเทล® ออพเทนTM ซึ่งพัฒนาขึ้นจากหน่วยความจำถาวรแบบ 3D XPointTM และทำงานประสานกับอุปกรณ์ควบคุมหน่วยความจำ ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ล่าสุดจากอินเทล เพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดในการจัดเก็บและอ่านข้อมูล เทคโนโลยี อินเทล ออพเทน จะเปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2559 ในรูปของไดรฟ์ SSD รุ่นใหม่ที่โดดเด่นทั้งในด้านความทนทานและสมรรถนะการใช้งาน นอกจากนี้ หน่วยความจำ 3D XPoint ยังจะเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบ DIMM รุ่นใหม่ที่ออกแบบขึ้นเพื่อใช้งานในแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลแห่งอนาคตของอินเทล
  • ฟอสซิล กรุ๊ป* ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อการสวมใส่ที่พัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับอินเทลจำนวนสามรุ่น หลังจากที่ได้ประกาศถึงความร่วมมือดังกล่าวไปในเดือนกันยายน ปี 2557 โดยไลน์ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดงนั้นครอบคลุมถึงสมาร์ทวอทช์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รุ่นใหม่ด้วย ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทั้งสามรุ่นจะออกวางจำหน่ายภายในช่วงไตรมาสที่สี่ของปีนี้
  • อินเทลเผยแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นสำหรับโมดูล อินเทล คูรี โดยเฉพาะ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวมีชุดเครื่องมือเพื่อการพัฒนาฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ ซอฟต์แวร์ และแอพพลิเคชันอย่างครบถ้วน เพื่อให้นำไปประยุกต์ใช้ได้ในรูปแบบใหม่ๆ นอกจากนี้ ชุดซอฟต์แวร์ อินเทล ไอคิว ยังจะสนับสนุนการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มนี้ในอนาคตอีกด้วย
  • เทคโนโลยี Enhanced Privacy Identification (EPID) ของอินเทลจะถูกนำไปติดตั้งในอุปกรณ์เซนเซอร์และไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับโซลูชั่น IoT ที่พัฒนาโดยแอทเมล* และไมโครชิพ* เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในการใช้งานระบบ IoT

อินเทลแนะ 10 สุดยอดเทคโนโลยีพลิกโฉมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย


Sport and Tech 2 - Yoga

ทุกวันนี้ อุปกรณ์ที่มีการประมวลผลในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ Wearables เช่น นาฬิกาข้อมือหรือหูฟัง รวมทั้งแท็บเล็ตกำลังเข้ามามีบทบาทในการจดบันทึกสถิติการแข่งขันหรือการเล่นกีฬาแบบเดิมๆ โดยเทคโนโลยี 3D ได้เข้ามาขยายขอบเขตการมองเห็น ยิ่งไปกว่านั้น นักกีฬาสามารถถ่ายทอดบรรยากาศการแข่งขันสดๆจากสนามด้วยตนเองผ่านกล้องวิดีโอในหมวกกันน็อคที่สวมใส่ขณะแข่งขันหรือฝึกซ้อมได้

เทคโนโลยีและกีฬาได้หลอมรวมกันและได้ปฏิรูปวิธีการฝึกซ้อม การรับชม และการเล่นมากขึ้นในทุกๆวัน  ด้วยการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นเพียงแค่ปลายนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นการรับชมกีฬาสุดโปรดผ่านการถ่ายทอดสด บิ๊กดาต้า แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์ Wearables ก็ชัดเจนว่าเทคโนโลยีมีอิทธิพล และความสามารถในการดึงกีฬาลีกใหญ่ๆลงมาให้แฟนๆสามารถรับชมได้ในบ้านตัวเอง

ด้วยเทคโนโลยีวงการกีฬาที่ก้าวหน้าและพร้อมใช้งานในปัจจุบัน อินเทลเสนอตัวอย่างอันน่าสนใจที่เรามองว่า นี่แหละคือ “10 สุดยอดเทคโนโลยี ที่จะช่วยให้การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายของคุณเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น”

  1. อุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

เหตุผลอันดับแรกที่ทำให้อินเทลเห็นว่าเทคโนโลยีเป็นผู้ช่วยเทรนการเล่นกีฬาหรือออกกำลังที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นคือ อุปกรณ์และโปรแกรมอัจฉริยะหลากหลายที่ให้ผู้ใช้งานได้เลือกสรร เพื่อช่วยให้การฝึกซ้อมเป็นไปได้อย่างสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และดีขึ้น

ไม่ว่าเหตุผลในการออกกำลังกายของคุณคืออะไร เทคโนโลยีสามารถช่วยคุณได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ช่วยค้นหาและเปรียบเทียบอุปกรณ์กีฬาที่ดีที่สุด หรือช่วยอัพเดทข่าวสารวงการกีฬาให้คุณไม่มีวันตกเทรนด์ ยังไม่รวมถึงอุปกรณ์ Wearables ที่ช่วยวัดระดับความเร็วการเต้นของหัวใจ และเมื่อเชื่อมต่อตัวอุปกรณ์เข้ากับอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากอินเทล เช่น ASUS Transformer Book T300 Chi, คุณก็สามารถจัดการกับข้อมูลต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และแม่นยำ นอกเหนือจากนั้น ชุดหูฟังอัจฉริยะอย่าง SMS Audio BioSport™ สามารถช่วยติดตามระดับความหนักเบาในการออกกำลังกายผ่านจอแสดงอัตราการเต้นของหัวใจขณะออกกำลังกาย หรือหากคุณเชื่อมต่อหูฟังเข้ากับแอพพลิเคชั่นการออกกำลังกายยอดฮิต คุณจะสามารถดาวน์โหลดข้อมูลการออกกำลังกายทั้งหมดของคุณเพื่อประเมินผลในภายหลังได้อีกด้วย

  1. ผู้สร้างแรงกระตุ้นส่วนตัวให้คุณตื่นตัวในการออกกำลังกาย

เราเชื่อว่าหลายๆคนคงต้องการมีตัวช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจ และความขยันในการไปเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายในทุกๆเช้า โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศไม่เป็นใจ ต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ช่วยให้ปัจจุบันนี้ คุณสามารถออกกำลังกายได้ในบ้านของคุณเอง ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆที่จะช่วยกระตุ้นและสร้างกำลังใจขณะที่คุณฟิตร่างกายให้แข็งแรง

ยกตัวอย่างเช่น อุปกรณ์ทูอินวัน (2in1) ที่ใช้อินเทล® คอร์™ i5 โปรเซสเซอร์ (Intel® Core™ i5) อย่าง Lenovo Yoga Pro 3 และ Asus Transformer Book T300 นับเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการอกกกำลังกายในร่มอย่างพิลาทิสหรือโยคะ เพราะมันคืออุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามคลาสเรียนทางออนไลน์ หรือใช้กล้องในการตรวจดูการออกท่าทางอย่างถูกต้องได้ทุกที่ภายในบ้านของคุณเอง อีกทางเลือกหนี่งที่น่าสนใจคือ RunKeeper แอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่ใช้ประโยชน์จากระบบจีพีเอสในโทรศัพท์ของคุณในการติดตามผลการวิ่งออกกำลังกาย รวมถึงความเร็ว ระยะเวลาที่ใช้ และระยะทางทั้งหมดที่วิ่ง แอพพลิเคชั่นนี้ยังมาพร้อมกับ ออดิโอ โค้ช (audio coach) และการเตือนระยะความเร็วในการวิ่งที่คุณควรจะไปให้ถึง รวมถึงฟีเจอร์กล้องถ่ายรูป ให้คุณได้แชะภาพระหว่างที่วิ่งไปพร้อมๆกันได้อย่างไม่มีสะดุด

  1. ระเบียบวินัยสร้างได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณมีตัวช่วยขั้นเทพ

Basis Peak fitness tracker คืออุปกรณ์ Wearables ในรูปแบบของนาฬิกาข้อมือ ที่ทำให้คุณไม่สามารถนิ่งอยู่กับที่เฉยๆได้เด็ดขาด เนื่องจากตัวนาฬิกาจะเชื่อมต่อข้อมูลกับแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ และแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมที่คุณทำในแต่ละวัน รวมทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ ระยะทางที่ใช้ทั้งหมดระหว่างการออกกำลังกาย จำนวนชั่วโมงในการนอนหลับพักผ่อน และจำนวนก้าวที่คุณเดิน ถ้าคุณคิดว่าตัวเลขเหล่านี้ยังไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการเริ่มออกกำลังกายให้กับคุณได้ ยังมีอุปกรณ์ Wearables บางประเภท ที่จะทำถึงขั้นสั่น และส่งเสียงเตือนหากคุณไม่ได้มีการทำกิจกรรม หรือขยับเขยื้อนร่างกายใดๆเลย

  1. สุดยอดเทรนเนอร์ส่วนตัว หาได้แค่ปลายนิ้ว

Adidas MiCoach  คือหนึ่งในแอพพลิเคชั่นและเครื่องติดตามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการฟุตบอลระดับโลก โดยเฉพาะทีมชาติเยอรมนี ทีมสุดโปรดของแฟนๆชาวไทย โดยแอพพลิเคชั่นสุดเจ๋งตัวนี้ทำหน้าที่ให้ข้อมูล และรายละเอียดในการออกกำลังกายของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถออกแบบและวางแผนการออกกำลังกายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ รวมถึงเพื่อนๆของคุณด้วย

นอกเหนือจากนั้น อุปกรณ์ที่ใช้ Intel Core M Processor อย่างเช่น HP Pavillion 11 และ Acer Aspire Switch 12สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงการฝึกซ้อมขั้นสูงได้แบบฟรีๆทุกที่ทุกเวลา อุปกรณ์พกพาตัวนี้ ยังสามารถทำหน้าที่ช่วยจัดตารางการออกกำลังกาย รวมถึงให้คำแนะนำผ่านเสียง และวิดีโอสาธิตการเล่นกีฬาหรือการออกกำลังกายต่างๆ เพื่อให้คุณได้ฟิตและเฟิร์มได้แบบไม่ยุ่งยาก

  1. เก่งได้อีก

ทุกวันนี้ เทคโนโลยีสามารถใช้ข้อมูลขนาดมหาศาล (Big Data) จากการฝึกซ้อม การเตรียมพร้อมร่างกาย และการแข่งขันกีฬาต่างๆที่จะช่วยให้ทั้งตัวนักกีฬา ทีมต่างๆ และโค้ชผู้ฝึกสอนสามารถเข้าถึงและพัฒนาวิธีการเล่นใหม่ๆเพื่อผลลัพธ์ที่มีความถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ ‘STATS’ SportVU’ เทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลกว่า 1 ล้านข้อมูลต่อการแข่งขันแต่ละครั้ง  ปัจจุบันเทคโนโลยีตัวนี้ได้ถูกใช้งานโดยยักษ์ใหญ่ในวงการอย่าง UEFA Champions League และ NBA โดย NBA ได้ทำการติดตั้ง อุปกรณ์ motion tracking เพื่อติดตามจุดยิงลูกของสมาชิกแต่ละคนในทีม โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้จะสามารถบ่งบอกจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวผู้เล่นได้ เพื่อนำไปปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นให้ดีขึ้นสำหรับการแข่งในครั้งต่อๆ ไป อุปกรณ์ตัวนี้ทำงานบน อินเทล โปรเซสเซอร์ ซึ่งช่วยจัดการกับข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรายงานผลได้ภายใน 90 วินาที

  1. อุปกรณ์รู้ใจไร้การสัมผัส

คุณอยากจะมีอุปกรณ์ที่ทำให้คุณสามารถฟังเพลงหรืออ่านข่าวได้ขณะออกกำลังกายที่ฟิตเนสโดยไม่ต้องหยุดเพื่อเปลี่ยนเพลงหรือเปลี่ยนหน้าหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือใช่ อุปกรณ์ 2in1 ที่มากับกล้องสามมิติพร้อมด้วยเทคโนโลยี Intel® RealSense™ เช่น Dell Inspiron 5548 น่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกใจคุณที่สุด  ด้วยซอฟต์แวร์ที่ช่วยจับการเคลื่อนไหวเพื่อการเชื่อมต่อที่ไม่ต้องมีการสัมผัสโดยตรง แต่เป็นการตอบสนองการเคลื่อนไหวของร่างกายไม่ว่าจะเป็นมือ แขน ศีรษะ หรือแม้กระทั่งสีหน้า จึงเป็นอุปกรณ์ที่เยี่ยมยอดที่สุดที่คุณสามารถใช้ได้ในระหว่างการออกกำลังกาย อย่างการปั่นจักรยานหรือวิ่งบนลู่วิ่ง

  1. เรียนรู้จากตัวจริง

โซเชียลมีเดียและข้อมูลออนไลน์ได้เปลี่ยนแปลงวิถีการมีส่วนร่วมหรือชมกีฬาโปรดของเรา ด้วยการยกระดับการทำงานของ  Intel powered desktops อุปกรณ์ทูอินวัน ออลอินวัน และแท็บเล็ต ทำให้คุณสามารถรู้จักนักกีฬาและโปรไฟล์ของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น  รวมทั้งสามารถรับชมวิดีโอเบื้องหลังของทีมโปรดแบบใกล้ชิด และยังทำให้เรียนรู้สไตล์และท่าทาง หรือแม้กระทั่งกลยุทธ์การเล่นได้อย่างง่ายดายมากขึ้นเพื่อนำมาปรับใช้ในการเล่นกีฬาที่คุณชื่นชอบ

  1. จะยุ่งขนาดไหน ก็ห้ามลืมออกกำลังกาย

ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่อตารางออกกำลังกายกับสมาร์ทโฟนของคุณ หรือหาแนวทางการออกกำลังกายใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นกว่าเดิม เทคโนโลยีก็สามารถช่วยทำให้คุณฝึกซ้อมได้อย่างจริงจัง โดยการทำให้คุณสามารถจัดเวลาชีวิตได้ดีขึ้น ด้วยสมาร์ทโฟนดีไซน์บางเฉียบอย่าง ASUS Zenfone 2 ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของ อินเทล® อะตอม™ โปรเซสเซอร์ (Intel® Atom™ Processor) นอกนี้ นาฬิกาอัจฉริยะบางรุ่นยังสามารถช่วยให้คุณอ่านอีเมล์หรือรับโทรศัพท์ได้ในระหว่างการออกกำลังกาย ทำให้คุณไม่ต้องมัวแต่ทำธุระจนอดไปออกกำลังกายอีก

  1. หาแรงบันดาลใจมาเป็นแรงกระตุ้น

เทรนด์ฟิตเนสออนไลน์ซึ่งกำลังมาแรงมากในขณะนี้ ส่งผลให้มีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการกระตุ้นให้คุณอยากออกกำลังมากขึ้น และพัฒนาศักยภาพทางร่างกายเพื่อช่วยให้การฝึกซ้อมของคุณมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

หากคุณต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีวิถีการออกกำลังกายเหมือนกับคุณ หรือหาโค้ชที่สามารถยกระดับการฝึกซ้อมให้กับคุณได้ การใช้อุปกรณ์ที่มาพร้อมกับอินเทล อะตอม จะสามารถช่วยคุณหาข้อมูล เก็บข้อมูล และเรียกดูข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

  1. ฝึกด้วยกัน ไปได้ไกล

เทคโนโลยีทำให้คุณสามารถเล่นกีฬาโดยมีเพื่อนร่วมฝีกไปพร้อมกัน ถึงแม้จะไม่ใช่กีฬาประเภททีมก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวกันในแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ การหาคอร์สเรียนออนไลน์ การลองเล่นตามโปรแกรมออกกำลังกาย หรือแข่งกับเพื่อนก็สามารถทำได้ง่ายๆด้วยอุปกรณ์ Wearables หรือแอพพลิเคชั่นควบคุมการออกกำลังกายอย่าง Strava (ซึ่งมีบอร์ดเก็บสถิติคะแนนอย่างเข้มข้น) เทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งในและนอกสนาม ทำให้ได้เพื่อนเล่นกีฬาและออกกำลังกายเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณมีแรงกระตุ้นในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น

อินเทล ประกาศวางขาย คอมพิวต์ สติ๊ก งานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2015


Compute_Stick_01

อินเทล ประเทศไทย มอบประสบการณ์การใช้งานใหม่สำหรับอุปกรณ์ในกลุ่มพีซี ด้วยการประกาศวางจำหน่าย อินเทล® คอมพิวต์ สติ๊ก (Intel Compute Stick)  คอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีประสิทธิภาพ และใช้งานง่ายเพียงแค่เสียบตัวเครื่องเข้ากับพอร์ท HDMI ของโทรทัศน์หรือจอมอนิเตอร์เท่านั้น ผู้ใช้งานก็สามารถเพลิดเพลินกับฟังก์ชั่นการใช้งานของคอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานได้อย่างสะดวกสบาย โดยจะมีเริ่มวางจำหน่ายผ่านทางร้านค้าไอทีที่เป็นพันธมิตรของอินเทล ภายในงาน ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2015 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม ศกนี้

Intel Compute Stick รุ่นที่พร้อมจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงเริ่มต้นนี้ จะใช้ชิปประมวลผล อินเทล® อะตอม™ Z3735F (Intel® Atom™ Processor) แบบ ควอด คอร์ (Quad core) ในตระกูล “เบย์ เทรล” (Bay Trail) มีสตอเรจขนาด 32 กิ๊กกะไบต์ และหน่วยความจำ 2 กิ๊กกะไบต์ และติดตั้งระบบปฏิบัติการ วินโดว์ส* 8.1 พร้อม บิง (Windows* 8.1 with Bing)  และยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในการรองรับการเชื่อมต่อไว-ไฟ (Wi-Fi) แบบ 802.11 b/g/n มีช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด (Micro SD Card) เพื่อเพิ่มความจุในการเก็บข้อมูล ตัวจ่ายไฟแบบมินิ-ยูเอสบี (mini-USB) และ บลูทูธ* 4.0 (Bluetooth 4.0) สำหรับเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดและเมาส์แบบไร้สาย โดยจะวางจำหน่ายที่ราคาประมาณ 5,990 บาท

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอินเทลที่ไม่เคยหยุดยั้งซึ่งรวมอยู่ในไว้ในอุปกรณ์กลุ่มพีซีนี้ ที่เพิ่มความสะดวกสบายและสามารถยกระดับการใช้งานของอุปกรณ์ไอทีที่แตกต่างออกไป โดย Intel Compute Stick นี้จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของอินเทลในการนำเสนอเทคโนโลยีอีกขั้น สู่ความต้องการของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการนำเสนอฟอร์มแฟคเตอร์ของคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานขั้นพื้นฐานได้แต่โดดเด่นด้วยขนาดเล็กจิ๋วอย่างน่าทึ่ง ความสามารถของอุปกรณ์ชิ้นนี้จะสร้างปรากฏการณ์และความน่าตื่นเต้นให้กับตลาดอุปกรณ์ไอทีอีกครั้งอย่างแน่นอน เราเชื่อมั่นว่า Intel Compute Stick จะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของอินเทลในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพีซีผ่านการนำเสนอพีซีในรูปแบบใหม่ๆได้”

Intel Compute Stick สามารถเปลี่ยนจอแสดงภาพระบบ HDMI ให้กลายเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับพื้นฐาน ที่สามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นเพื่อการทำงาน อ่านหนังสือ รับส่งอีเมล์ หรือท่องเว็บไซต์ได้ ทั้งยังสามารถใช้เปิดคอนเทนท์มัลติมีเดียมากมาย ทั้งที่เก็บไว้ในตัวเครื่องเองและผ่านการสตรีมออนไลน์ Intel Compute Stick เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีระบบปฏิบัติการเต็มรูปแบบ จึงสามารถใช้งานได้จริง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์อีกเครื่องมาเข้าคู่เหมือนกับอุปกรณ์แคสท์จอทั่วไป นอกจากการใช้งานเพื่อความบันเทิงแล้ว Intel Compute Stick ยังสามารถนำมาใช้เป็นอุปกรณ์เพื่อการศึกษา ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมเข้าสู่คลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์กลาง (thin client) อุปกรณ์ในบูธ จุดขายสินค้าหน้าร้าน หรือระบบคอมพิวเตอร์แบบฝังตัว (embedded systems) ในรูปแบบต่างๆ ได้อีกด้วย นอกจากนั้นภายในงานไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2015 ระหว่างวันที่ 7-10 พฤษภาคม ศกนี้ ยังมีโปรโมชั่นสำหรับอุปกรณ์แท็บเล็ตและ 2in1 หลายรุ่น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บูธกิจกรรมอินเทล BL1/1