เอไอเอส เปิดศูนย์ปฏิบัติการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่ผู้พิการ แห่งที่ 12


IMG_0406.JPG

นางสาวใจพร ศรีสกุล กรรมการผู้จัดการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ เดินหน้ามอบโอกาสทางด้านอาชีพให้แก่ผู้พิการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิด “ศูนย์ปฏิบัติการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่ผู้พิการ” แห่งที่ 12 ขึ้น ณ มูลนิธิธิดาเมตตาธรรม จ.เลย ซึ่งเป็นพนักงานผู้พิการทางร่างกาย ที่ให้บริการด้วยมาตรฐานในระดับเดียวกับพนักงานปกติ โดยมีการออกแบบการทำงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความสามารถของพนักงานผู้พิการทางร่างกาย อาทิ รับสายลูกค้า, โทรติดต่อลูกค้าเพื่อแจ้งสิทธิพิเศษหรือข้อมูลต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้เอไอเอสยังนำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานด้วย
ปัจจุบันมีพนักงานเอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ผู้พิการจากศูนย์ปฏิบัติการที่เปิดให้บริการแล้วรวมจำนวนทั้งสิ้น 117 คน โดยเอไอเอสยังคงขยายสาขาของศูนย์ปฏิบัติการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่
ผู้พิการอย่างต่อเนื่องต่อไป

สมาคมธนาคารไทยเตือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเงินกลับมาระบาดหนัก


image

สมาคมธนาคารไทย ขอแจ้งเตือนประชาชนว่า กลุ่มคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ได้กลับมาหลอกลวงประชาชนในช่วงนี้มากขึ้น โดยคนร้ายจะใช้การโทรศัพท์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือ VOIP (Voice over IP) ที่สามารถแปลงสัญญาณเพื่อปลอมเป็นหมายเลขโทรศัพท์ในไทยเบอร์ใดก็ได้ แล้วอ้างชื่อว่าโทรศัพท์มาจากธนาคารพาณิชย์เรื่องสินเชื่อ รวมทั้งแอบอ้างเป็นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อให้เหยื่อไปทำธุรกรรมใด ๆ ที่ตู้เอทีเอ็ม แล้วหลอกให้ทำรายการโอนเงินหรือบางครั้งจะให้ถอนเป็นเงินสด แล้วฝากผ่านเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติเข้าบัญชีที่กลุ่มคนร้ายเปิดไว้

ทั้งนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีกลวิธีที่หลากหลายในการหลอกหลวงเหยื่อ ทั้งการสร้างเรื่องให้ตกใจ หรือเกิดความคาดหวังในรางวัลและเงินคืนต่าง ๆ เช่น แจ้งว่าบัญชีถูกแอบอ้างไปทำเรื่องทุจริต, สินเชื่อได้รับการอนุมัติ, ติดตามทวงถามหนี้บัตรเครดิต, มีรายการใช้บัตรเครดิตผิดปกติ, ได้รับเงินคืนภาษี, การถูกรางวัล หรือการเข้าไปเกี่ยวพันกับแก๊งค้ายาเสพติด ฯลฯ โดยกลุ่มมิจฉาชีพเพิ่มความน่าเชื่อถืวยใช้เทคโนโลยีมากำหนดให้เลขหมายที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปตรงกับเลขหมายโทรศัพท์ขององค์กรที่แอบอ้าง ซึ่งสร้างความสูญเสียให้แก่ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก และมีผู้ที่ถูกหลอกลวงเป็นทั้งชาวบ้านทั่วไป ข้าราชการ นักธุรกิจ รวมถึงผู้ที่มีการศึกษาสูง

สมาคมธนาคารไทย ขอแจ้งว่าธนาคารพาณิชย์ไม่มีนโยบายในการโทรศัพท์ไปสอบถามข้อมูล หรือติดตามหนี้ แล้วให้ลูกค้าไปทำรายการต่าง ๆ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม หรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติแต่อย่างใด ดังนั้นประชาชนควรระมัดระวังในการบอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลการเงิน และไม่หลงเชื่อไปทำธุรกรรมผ่านเครื่องเอทีเอ็มหรือเครื่องฝากเงินสดอัตโนมัติตามที่ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์

ในช่วงที่ผ่านมาสมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญในการหาแนวทางป้องกันการทุจริตจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามจับกุมแก็งดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการตั้งทีมงานควบคุมและป้องกันการทุจริตติดตามพฤติกรรม และหาวิธีป้องกันการทุจริตของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายใช้บัญชีของธนาคารในการกระทำการทุจริตต่อลูกค้าในรูปแบบใด ๆ

อย่างไรก็ตาม กลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าวมักจะโทรศัพท์มาจากต่างประเทศ และปรับเปลี่ยนรูปแบบการหลอกลวง และหน่วยงานที่นำมาแอบอ้างไปเรื่อย ๆ ทำให้การติดตาม จับกุม และปราบปรามเป็นไปได้ลำบาก ดังนั้นหากลูกค้าได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่คุ้นเคยสอบถามข้อมูลการเงิน หรือสร้างเรื่อง ซึ่งอาจจะทำให้วิตกกังวลในการที่จะเข้าไปพัวพันกับคดีต่าง ๆ ขอให้ตั้งสติพิจารณาให้ดี อย่าได้รีบเร่งดำเนินการใด ๆ และหากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยสามารถโทรศัพท์เข้าไปสอบถามคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารพาณิชย์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงทันที

นอกจากนี้ขอแนะนำให้ประชาชนเก็บรักษาบัตรประชาชนให้ดี และระมัดระวังในการให้สำเนาบัตรประชาชนแก่ผู้อื่น อันอาจนำไปสู่การแอบอ้างเปิดบัญชี เพื่อเป็นบัญชีขารับเงินของมิจฉาชีพ ซึ่งการให้ความร่วมมือกับกลุ่มคนร้ายในการรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากจะมีความผิดตามกฎหมาย

เอไอเอส เปิดศูนย์ปฏิบัติการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่ผู้พิการ แห่งที่ 7 จ.ลำปาง


 ภาพเอไอเอสเปิดศูนย์ปฏิบัติการเอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่ผู้พิการ จ.ลำปาง_1เอไอเอส โดย นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและลูกค้า เดินหน้ามอบโอกาสสร้างอาชีพให้ผู้พิการอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิด “ศูนย์ปฏิบัติการ เอไอเอส คอลล์ เซ็นเตอร์ แด่ผู้พิการ” ขึ้นเป็นแห่งที่ 7 ณ มูลนิธิพิทักษ์ดวงตาลำปาง ซึ่งมีพนักงานผู้พิการทางร่างกายและทางสายตา ด้วยมาตรฐานการให้บริการในระดับเดียวกับพนักงานปกติ โดยมีการออกแบบการทำงานให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความสามารถของพนักงาน อาทิ โทรติดต่อลูกค้าเพื่อสอบถามที่อยู่ที่ถูกต้องในการจัดส่งเอกสาร หรือส่งซิมการ์ดให้ลูกค้ากรณีที่ซิมการ์ดสูญหาย เป็นต้น นอกจากนี้เอไอเอสยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่พนักงาน อาทิ ติดตั้งโครงข่ายออนไลน์ และนำเทคโนโลยีดักจับความเคลื่อนไหวที่คีย์บอร์ด หรือแสดงผลบนหน้าจอแล้วเปลี่ยนเป็นเสียงพูด ซึ่งใช้ควบคู่กับโปรแกรมตาทิพย์จากสถาบันคนตาบอดแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น

กลุ่มทรู ยกระดับงานบริการลูกค้าครบวงจร  อวดโฉม “มะลิ” สาวน้อยอัจฉริยะคนใหม่ประจำคอลล์เซ็นเตอร์


IMG_1840_re

กลุ่มทรู ยกระดับงานบริการลูกค้า มุ่งสร้างความประทับใจ และมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้ากลุ่มทรู ทุ่มงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท พัฒนารูปแบบงานเทียบมาตรฐานระดับโลก เน้นสร้างความประทับใจทุก ๆ จุดที่ให้บริการลูกค้า นำเทคโนโลยีเติมเต็มความต้องการใช้งานของลูกค้าให้เลือกใช้บริการได้ด้วยตนเองผ่าน iService และทรูมันนี่ Kiosk พร้อมแนะนำ  “มะลิ” สาวน้อยสุดอัจฉริยะประจำคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “มะลิ บริการเสียงสั่งได้” เป็นบริการรับคำสั่งด้วยเสียงรายแรกในไทย ซึ่งขณะนี้สามารถให้บริการแจ้งยอดค่าใช้จ่าย เช็คการใช้งานในรอบปัจจุบัน ให้รายละเอียดโปรโมชั่น และยังสามารถโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องรอสาย มะลิพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ผ่าน ทรูมูฟ เอช แคร์ 1331 สำหรับลูกค้าแบบรายเดือน มั่นใจด้วยจุดเด่นที่แตกต่างของงานบริการลูกค้าที่พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้กลุ่มทรูเป็นแบรนด์ที่หนึ่ง ที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้านบริการในใจลูกค้า “True No.1 Best in Service”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ด้วยความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะก้าวเป็นที่หนึ่งในด้านการให้บริการลูกค้า จึงได้มุ่งมั่นพัฒนาแพลตฟอร์ม อุปกรณ์ เทคโนโลยี เน็ตเวิร์ค รวมถึงสินค้าบริการ เพื่อเติมเต็มชีวิตของลูกค้า รวมถึงสิ่งที่กลุ่มทรูให้ความสำคัญที่สุดคือ การสร้างความพึงพอใจและความประทับใจสูงสุดแก่ลูกค้า พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยการให้บริการแบบครบวงจร โดยได้จัดสรรงบประมาณ 2,000 ล้านบาทในระหว่างพ.ศ. 2555 – 2559
พลิกโฉมรูปแบบงานด้านการให้บริการลูกค้าทั้งหมดให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก มีความทันสมัย ใช้งานง่าย และสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยปีที่ผ่านมา ทรูเป็นองค์กรไทยรายแรกของประเทศที่ได้รับการรับรองมาตรฐานโลก COPC CSP จาก Customer Operation Performance Center และได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำที่เป็น
เทรนด์การให้บริการขององค์กรระดับโลกมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของลูกค้า เพื่อสรรค์สร้างบริการที่เหนือความคาดหวังและสร้างประทับใจในทุก ๆ จุดที่ให้บริการลูกค้า เช่น นวัตกรรมที่เอื้อให้ลูกค้าสามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ บริการ iService  และทรูมันนี่ Kiosk และล่าสุด ภูมิใจแนะนำ “มะลิ” พนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ที่พัฒนาด้วยเทคโนโลยีสั่งงานด้วยเสียง  (Voice Command Service) รายแรกของไทยและเป็นการสั่งด้วยภาษาไทยรายแรกอีกด้วย

มร. คาร์ล กูเดียร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านบริการลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า
“เพื่อพัฒนางานด้านบริการลูกค้าให้สร้างความประทับใจสูงสุด ทรูได้ดำเนินการตามหลักการ Kano Approach ซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 คือการตอบสนองความต้องการพื้นฐานทั่วไปของลูกค้าและมุ่งเน้นกำจัดสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าไม่พอใจ (dis-satisfier) ออกไป ด้วยการให้บริการที่รวดเร็ว มีความรู้ความชำนาญ และใส่ใจลูกค้า พิสูจน์ได้จากการที่กลุ่มทรูได้รับการรับรองมาตรฐานโลก COPC CSP เป็นรายแรกและรายเดียวของไทย ระดับที่ 2 คือการดูแลพิเศษเฉพาะบุคคล โดยทรูได้เริ่มใช้ระบบ Convergent CRM งานลูกค้าสัมพันธ์ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษรวมจุดบริการเป็นจุดเดียวเพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการที่ความหลากหลายของกลุ่มทรู ระดับที่ 3 คือ การสร้างบริการที่แปลกใหม่เพื่อสร้างความพึงพอใจ และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึง
”มะลิ” เทคโนโลยีที่ทรูได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตสมัยใหม่ของลูกค้า”

มะลิ คือ พนักงานคอลล์เซ็นเตอร์คนใหม่แบบ virtual ที่ทรูภูมิใจนำเสนอให้ดูแลลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน
ในระยะแรก และจะเพิ่มหน้าที่ให้ดูแลลูกค้าระบบเติมเงินในกลางปี 2558 ทั้งนี้ ลูกค้าเพียงแค่บอกความต้องการด้วยคำพูดที่กระชับและชัดเจน มะลิจะสามารถโอนสายไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการได้ทันที หรือสามารถแจ้งยอดค่าใช้จ่ายได้คำสั่งอีกด้วย มะลิจะเปลี่ยนโฉมหน้าการให้บริการคอลเซ็นเตอร์จากปัจจุบันที่ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ฟังระบบ IVR (Interactive Voice Response) และให้กดตัวเลขต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่บริการ มาเป็นการให้ลูกค้าสามารถสั่งให้ระบบทำงานด้วยคำพูดตามความต้องการของลูกค้าเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาแก่ลูกค้าด้วย”

ในอนาคตอันใกล้นี้ ”มะลิ” จะเรียนรู้การทำงานให้บริการด้านการรับสายทุกประเภทของทรูมูฟ เอช และจะขยายขีดความสามารถให้ดูแลลูกค้าทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ต่อไปด้วย เราใช้เวลาในการพัฒนา ”มะลิ” มากว่า 2 ปีครึ่ง โดยได้ทดสอบ และปรับปรุงความสามารถของ ”มะลิ” มาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ทดลองให้บริการกับลูกค้ากลุ่มตัวอย่าง ซึ่ง ”มะลิ” ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยลูกค้าให้คะแนนว่า ”มะลิ” ทำงานได้อย่างเที่ยงตรงถึง 94.7% และ 90% บอกว่าจะกลับมาใช้งานอีก นอกจากนี้คะแนนความพึงพอใจของลูกค้าต่อบริการคอลล์เซ็นเตอร์ของทรูเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับบริการ IVR แบบกดตัวเลขรูปแบบเดิม

นอกจากมะลิแล้วทรูยังมีนวัตกรรมการบริการอื่น ๆ ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาให้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบริการ iService รูปแบบใหม่ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการเรื่องการชำระเงิน และดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือและเว็บไซต์ และยังมีฟังค์ชั่นและอินเตอร์เฟซต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย

ในปีหน้า ทรูจะแนะนำนวัตกรรมด้านงานบริการเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะพลิกโฉมการให้บริการดูแลลูกค้าของบริษัทในประเทศไทย และจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยคาดการณ์ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าระบบสั่งงานด้วยเสียงจะเป็นอินเตอร์เฟซหลักในการสื่อสารระหว่างลูกค้า อุปกรณ์กลไกต่าง ๆ และบริษัท ซึ่งทรู ภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในการสร้างสรรค์บริการนี้สำหรับลูกค้าของเราก่อนใคร

 

เอไอเอส เดินหน้ามอบโอกาส โชว์ศักยภาพผู้พิการ เปิดคอลล์เซ็นเตอร์ จ.หนองคาย เพิ่มอีกเป็นแห่งที่ 5


ais

เอไอเอส เดินหน้าเปิด เอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์ เพิ่มอีกเป็นแห่งที่ 5 ณ จังหวัดหนองคาย สร้างโอกาสให้ผู้พิการได้โชว์ศักยภาพ ยืนยันผู้พิการมีความสามารถและจิตบริการไม่แตกต่างจากคนปกติ

สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “ที่ผ่านมา เอไอเอส มีการรับพนักงานผู้พิการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในหลากหลายฟังก์ชั่นอยู่แล้ว และเป็นที่มาในการเห็นถึงศักยภาพของคนกลุ่มนี้ที่ไม่แพ้กับคนปกติ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถและจิตบริการ ดังนั้นเมื่อบริษัทฯ มีการขยายตัวและรับพนักงานเพิ่ม เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานคอลล์เซ็นเตอร์ เราจึงมองถึงการรับผู้พิการเข้าเป็นพนักงานคอลล์เซ็นเตอร์ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ตั้งแต่ปี 2550 จึงเกิดเป็นแนวคิดที่จะจัดตั้ง เอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์เพื่อสนับสนุนศักยภาพผู้พิการขึ้นอย่างเป็นกิจจะลักษณะ โดยครั้งแรกได้เริ่มต้นกับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย พัฒนาโครงการนี้ขึ้น และเราเป็นผู้จัดรูปแบบของงานที่เหมาะสมกับลักษณะของความพิการ ,การตกแต่งสถานที่-อุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้เอื้อต่อการทำงาน รวมไปถึงนำเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้การบริการลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ติดตั้งโครงข่าย Online, นำเทคโนโลยีดักจับความเคลื่อนไหวที่ Key Board หรือสิ่งที่แสดงผลบนหน้าจอ และเปลี่ยนเป็นเสียงพูด ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับโปรแกรมตาทิพย์ของสถาบันคนตาบอดแห่งชาติเพื่อการวิจัยและพัฒนา ซึ่งผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้ผลอย่างดียิ่ง ทั้งในแง่ของคุณภาพงานบริการสำหรับลูกค้า และการได้สร้างโอกาสทางอาชีพเพื่อผู้พิการ และนี่จึงเป็นที่มาให้เรามีการขยายศูนย์ Call center เพื่อสนับสนุนศักยภาพผู้พิการอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งวันนี้ที่เปิดตัวแห่งที่ 5 ณ จ.หนองคาย”

ด้าน วิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า เอไอเอส กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันเรามีพนักงานเอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์ผู้พิการ 77 คน โดยได้ร่วมมือกับองค์กรที่ดูแลผู้พิการ จัดตั้ง เอไอเอส คอลล์เซ็นเตอร์เพื่อสนับสนุนศักยภาพผู้พิการแล้วทั้งหมด 5 แห่ง และเตรียมที่จะเปิดให้บริการอีก 5 แห่งในปี 2558 สำหรับการเปิดในครั้งนี้ ได้ร่วมมือกับโรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ หนองคาย จัดตั้งขึ้น โดยมีจำนวนพนักงานเบื้องต้น 9 คน ซึ่งส่วนใหญ่พิการทางร่างกาย โดยลักษณะของงานที่มอบหมายคือ การโทรติดต่อลูกค้า แจ้งสิทธิพิเศษหรือข้อมูลต่างๆ ซึ่งหลังจากฝึกอบรมและเริ่มให้บริการลูกค้าในช่วงที่ผ่านมา พบว่าสามารถปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างดี มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานด้านบริการของเอไอเอสที่วางไว้”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส ได้กล่าวย้ำตอนท้ายว่า “โอกาส เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในวันนี้ ดังนั้นการเป็นผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารโทรคมนาคม ย่อมหมายถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆให้แก่คนไทยทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ, เอกชน, คนปกติ, ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการ ที่ล้วนแล้วแต่จะเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศชาติให้เข้มแข็ง เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันทั้งแก่ตนเองและชุมชน ซึ่ง เอไอเอส พร้อมที่จะสนับสนุนและสร้างโอกาสดังกล่าวอย่างต่อเนื่องจากเทคโนโลยีสื่อสารของเรา และหวังว่าโครงการนี้จะสามารถปลุกกระแสให้สังคมตื่นตัวและหันมาให้ความสำคัญกับผู้พิการทุกประเภท อันเป็นการเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นด้วย”

ผู้บริโภคร้องคอลเซนเตอร์บริษัทมือถือรอสายนานเกินแถมกินตังผู้ใช้บริการ


saree

คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เสนอสั่งปรับทางปกครองบริษัทมือถือ กรณี คอลเซนเตอร์ให้รอสายนานเกิน60 วินาที หลังพบแทบทุกบริษัทฝ่าฝืน พร้อมจี้ผู้ให้บริการเร่งประชาสัมพันธ์เบอร์ร้องเรียนฟรีให้มากขึ้น

นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคมครั้งที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ร้องเรียนรายหนึ่งร้องเรียนกรณีถูกคิดค่าบริการจากการโทรเข้าศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์หรือคอลเซนเตอร์   โดย ผู้ร้องเรียนต้องรอสายนานและต้องทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์แนะนำ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที ทำให้ผู้ร้องเรียนต้องเสียค่าบริการเป็นเงิน30 กว่าบาท เนื่องจากบริษัทฯ คิดค่าบริการนาทีละ  1 บาทในการติดต่อคอลเซนเตอร์

นางสาวสารี กล่าวต่อไปว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคจำนวนมากเจอ ซึ่งตามประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมประเภทเสียง ได้กำหนดว่าระยะเวลาที่ต้องรอในการ     ขอใช้บริการดูแลลูกค้าจากศูนย์ตอบรับโทรศัพท์ต้องไม่นานเกินกว่า 60 วินาที แต่ก็พบว่า ผู้ให้บริการยังไม่ได้ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ตามประกาศ กทช. เรื่อง กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและพิจารณาเรื่องร้องเรียนของผู้ใช้บริการข้อ  15 กำหนดว่า ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่จัดให้มีบริการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้ผู้ให้บริการจะมีการให้บริการดังกล่าวอยู่ แต่กลับไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการรับทราบ

“ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ครั้งที่ผ่านมาจึงได้มีมติให้บริษัทฯ คืนเงินค่าโทรให้กับผู้ร้องเรียน และขอให้มีคำสั่งปรับทางปกครองกับบริษัทฯ กรณีที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทฯ ได้ดำเนินการขัดต่อประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมประเภทเสียง นอกจากนี้ผู้ให้บริการทุกรายและสำนักงาน กสทช. ควรร่วมกันประชาสัมพันธ์ เลขหมายโทรฟรี เรื่องร้องเรียน และให้สำนักงาน กสทช. บังคับให้บริษัทฯ จัดหมายเลข 4 ตัวสำหรับให้บริการร้องเรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย” ประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคฯ กล่าว

นางสาวสารี กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ขอให้สำนักงาน กสทช. ช่วยตรวจสอบระยะเวลาในการรอสายของผู้ใช้บริการ และผลจากการตรวจสอบระยะเวลารอสายของศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ของผู้ให้บริการพบว่า ผู้ให้บริการมีระยะเวลารวมตั้งแต่สัญญาณรอสายจนถึงเจ้าหน้าที่รับสายโดยเฉลี่ยแล้วเกินกว่า 60 วินาทีทุกราย ยกเว้น บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่มีระยะเวลาการรอสายจนถึงเจ้าหน้าที่รับสายโดยเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 60 วินาที

ข้อมูลเพิ่มเติมปัจจุบันผู้ให้บริการมีเบอร์ร้องเรียนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายดังนี้

1.บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เอไอเอส

หมายเลขโทรศัพท์ 02-2719263 โทรฟรีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ เอไอเอส จันทร์-ศุกร์  เวลา 09.00-18.00 น. เว้นวันหยุดราชการ

  1. 2. บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ดีแทค

หมายเลขโทรศัพท์ 02-202-8267 โทรฟรีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ ดีแทค จันทร์-ศุกร์      เวลา 09.00-16.30 น.  เว้นวันหยุดราชการหรือโทรศัพท์ไปยังหมายเลข 089-446-9344 โดยใช้วิธีโทรแบบ Missed Call แล้วเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับมาเอง

  1. 3. บริษัท ทรูมูฟ จำกัด  และ บริษัท เรียบมูฟ จำกัด ผู้ให้บริการ ทรูมูฟ เอช

หมายเลขโทรศัพท์ 02-900-8088 โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทรู โทรฟรีทุกวัน 08.00-20.00 น. มี 10 คู่สาย

  1. 4. บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการ ทีโอที  3จี

ผู้ใช้บริการสามารถโทรศัพท์ร้องเรียนได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1177 ให้บริการ 24   ชั่วโมง   (โทรฟรีเฉพาะเครือข่าย ทีโอที 3จี)

  1. 5. บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท

หมายเลขโทรศัพท์ 081-352-0444 และ 081-352-0666 ในวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00  – 16.30 น. โทรฟรีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ CDMA