เดลล์เปิดตัว XPS 13 2-in-1 พร้อมจอไร้ขอบขนาดเล็กที่สุดในโลกพร้อมโพรเซสเซอร์ 7th Gen



เดลล์ประกาศเปิดตัว XPS 13 2-in1 คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่เล็กที่สุดในโลก พร้อมจอแบบ InfinityEdge เพื่อมุมมองในการใช้งานแบบไร้ขีดจำกัดจากตระกูล XPS ที่ได้รับรางวัลการันตีคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจอมอนิเตอร์ตระกูล S Family Monitor ประกอบด้วย Dell 22 Monitor, Dell 23 Monitor, Dell 24 Monitor, Dell 27 Monitor เพื่อตอบโจทย์การทำงาน และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างครบครัน
นายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตระกูล XPS ได้รับรางวัลทางด้านผลิตภัณฑ์มาเป็นจำนวนมากกว่าแบรนด์อื่นๆ ในประวัติศาสตร์เดลล์ ซึ่งจากความสำเร็จนี้ เดลล์ได้เพิ่ม XPS 13 2-in-1 ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลกเข้ามาในสายตระกูล XPS นี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในทุกรูปแบบ
เครื่อง XPS 13 2-in-1 มาพร้อมบานพับแบบ 360 องศา เพื่อการทำงานที่ให้ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเพิ่มมากขึ้น ตอบโจทย์การทำงานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรีย์ที่ใช้งานได้ถึง 15 ชั่วโมง พร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ InfinityEdge ที่คมชัดด้วย QHD+ (5.7 ล้านพิกเซล) ตัวเครื่องเป็นแบบ Fanless design ทำให้ทำงานได้เงียบสนิท พร้อม solid state drive เพื่อเริ่มต้นการทำงานในเวลาเพียงเสี้ยววินาที และสำหรับกลุ่มคนทำงาน หรือเพื่อการใช้งานในธุรกิจ XPS 13 2-in-1 สามารถปรับแต่งเพื่อทำงานบนโพรเซสเซอร์ และ Dell BIOS และซอฟต์แวร์การจัดการ พร้อมการสนับสนุนจากบริการ ProSupport ทั่วโลกของเดลล์อีกด้วย

พร้อมกันนี้ เดลล์ยังเปิดตัวจอมอนิเตอร์ตระกูล S Family 3 รุ่น ประกอบด้วย Dell 22 Monitor, Dell 23 Monitor, Dell 24 Monitor, Dell 27 Monitor ที่ให้ประสบการณ์ที่ประทับใจ กับฟีเจอร์มัลติมีเดียสำหรับโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์

“เดลล์คือผู้นำในด้านการออกแบบ และนวัตกรรมบนพีซี เรามุ่งความสนใจไปที่อนาคต เราจึงเร่งการพัฒนาทางเทคโนโลยีพร้อมเพิ่มการลงทุนในด้าน R&D เพื่อนำผลงานจากศูนย์การวิจัยและพัฒนา 17 แห่งทั่วโลกมาต่อยอดการพัฒนา ซึ่งส่วนนี้จะช่วยให้เราสามารถส่งมอบนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้กับลูกค้าของเราได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สำหรับเดลล์ นวัตกรรมของเราคือการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นแรงบันดาลใจในด้านการสร้างสรรค์และการเพิ่มผลผลิตในการทำงาน พร้อมทั้งให้ทางเลือกการใช้งานที่ตรงตามความต้องการแก่ผู้ใช้ เพราะปรัชญาในการออกแบบของเราไม่เกี่ยวกับการออกแบบโดยสิ้นเชิง แต่มุ่งเน้นที่ประสบการณ์ด้านใช้งานของลูกค้า และส่วนปลีกย่อยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสมรรถนะการทำงาน ระยะเวลาการทำงานของแบตเตอรีย์ โมบิลิตี้ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ความทนทานของคีย์บอร์ด ความสว่างของหน้าจอ ตลอดไปจนถึงบานพับ อุณหภูมิของอุปกรณ์ และอื่นๆ” นายธเนศ กล่าว

เปิดตัว The Infinite Gallery เปิดประสบการณ์ “ความงามโดยไร้ขอบจำกัด” (Beauty without Border)
เพื่อเปิดมุมมองใหม่ผ่านผลิตภัณฑ์ InfinityEdge เดลล์เปิดตัว The Infinite Gallery เสนอมุมมอง 360 องศาเพื่อเน้นย้ำจุดเด่น และความสามารถของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การทำงาน การแสดงภาพ การออกแบบ และการใช้งานอื่นๆ ได้อย่างชัดเจน เต็มตา และเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“ทั้งนี้ “The Infinite Gallery” คือการจำลองมุมมองของประสบการณ์ ของภาพถ่าย ตลอดจนผลงานการออกแบบในแบบ 360 องศาเพื่อให้เห็นการทำงานของจอ InfinityEdge รุ่นต่างๆอย่างชัดเจน ตามคอนเซ็ปต์ “ความงามที่ไร้ขอบจำกัด” และเพื่อให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการใช้งาน เราได้รับเกียรติจาก คุณสิงห์-วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักแสดง พิธีกร นักท่องเที่ยวเชิงสารคดี และคุณจอร์ช-ธัชพล สุนทราจารย์ นักภูมิสถาปนิกที่มีชื่อเสียง มาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเทคโนโลยีทันสมัยทั้งเพื่อใช้ในชีวิตส่วนตัว เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เพื่อความบันเทิง ตลอดจนเพื่อการทำงานในแบบไม่หยุดนิ่ง ในการเข้ามาสัมผัสการใช้งานเทคโนโลยีที่มาพร้อม InfinityEdge display ของเราในครั้งนี้” นายธเนศ กล่าว

ตำบลแสนสุข ก้าวสู่ “สมาร์ทซิตี้” ผนึกเดลล์-อินเทล นำนวัตกรรม IoT ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ


image.jpeg

แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการของเทศบาลตำบลแสนสุข ในประเทศไทย และกลายเป็นสมาร์ท ซิตี้ แห่งแรกในประเทศ เผยโฉมโครงการต้นแบบของจริงที่ได้มีการพิสูจน์แนวคิดหลากหลายรูปแบบว่าสามารถนำไปต่อยอดการใช้แอพพลิเคชันอัจฉริยะที่มีนวัตกรรมและเชื่อถือได้จริง สำหรับการดำเนินโครงการในระยะแรกก็คือ การติดตั้งระบบอัจฉริยะเพื่อการติดตามดูแลสุขภาพ โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงคุณภาพการดูแลประชากรสูงอายุที่อยู่ในพื้นที่ โดยโครงการนำร่องนี้เป็นการร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยี ได้แก่ เดลล์ อินเทล และศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้โครงการดูแลสุขภาพด้วยระบบอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท เฮลธ์แคร์นี้ นับเป็นโครงการแรกที่มีการติดตั้งใช้งานจริงในประเทศไทย
ความริเริ่มของโครงการ แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เปิดตัวขึ้นในปี 2557 และเป็นโครงการนำร่องที่ใช้เวลา 3 ปี จัดทำโดยเทศบาลตำบลแสนสุข เพื่อนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความเป็นระบบอัจฉริยะแก่ชุมชนและนักท่องเที่ยว จากจำนวนประชากร 46,000 คนตามที่ระบุในทะเบียนผู้พักอาศัยในชุมชนแห่งนี้ 15% ของประชากรจำนวนดังกล่าวเป็นผู้สูงอายุ โดยหน่วยงานรัฐบาลในท้องที่ได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการดูแลผู้สูงอายุได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ผู้สูงอายุเหล่านี้มักจะอยู่บ้านคนเดียวในช่วงระหว่างวัน โดยมีผู้ดูแลน้อยหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการพยาบาลอยู่น้อย โครงการนำร่องนี้ จึงเกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2559 และมุ่งเป้าไปที่ 140 ครัวเรือนที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นผู้สูงอายุ โดยมุ่งเน้นที่การตรวจตราดูแลคนไข้พร้อมให้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อช่วยให้รัฐบาลจัดสรรทรัพยากรในการพยาบาลและดำเนินการเรื่องการบริการดูแลสุขภาพได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เรื่องนี้สำเร็จได้ด้วยแอพพลิเคชัน IoT ที่ช่วยด้านการตรวจดูสุขภาพ ให้การแจ้งเตือนฉุกเฉิน ตรวจจับสภาพแวดล้อม สอดส่องที่พักอาศัยและติดตามดูแลเพื่อความปลอดภัย
“แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ นำเทคโนโลยีล้ำหน้ามาช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้พักอาศัยดีขึ้น และช่วยให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น เราจึงเลือกทำงานกับเดลล์ และอินเทล ในช่วงเริ่มต้นที่เป็นระยะสำคัญในการพิสูจน์แนวคิด (proofs-of-concept) เนื่องจากทั้งสององค์กร เป็นผู้ที่มีผลงานด้านสมาร์ท ซิตี้ และเป็นองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยได้เคยสร้างโครงการ IoT ขนาดใหญ่ในเอเชียแปซิฟิกมาแล้วหลายโครงการ และเรารู้สึกยินดีที่ได้จัดทำโครงการในระยะแรกขึ้น พร้อมกับมั่นใจว่าโครงการในระยะถัดมาก็จะส่งผลลัพธ์ที่มีคุณค่าอย่างมากกับเมืองเราเช่นกัน”
นาย ณรงค์ชัย กล่าวต่อไปว่าโครงการนำร่องนี้ เป็นการพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถหลอมรวมเข้ากับวิถีชีวิตของผู้ที่พักอาศัยในชุมชมได้อย่างกลมกลืน ให้ประโยชน์แก่ทั้งเมืองและชุมชน สถาปัตยกรรมโซลูชันที่เสร็จสมบูรณ์ของโครงการนี้ จะกลายเป็นต้นแบบในอุดมคติสำหรับโปรแกรมสมาร์ท ซิตี้อื่นๆ ไม่ใช่แค่ แสนสุข แต่รวมถึงสมาร์ท ซิตี้ ในประเทศไทย และทั่วโลก”
ด้าน ผศ. อภิเนตร อูนากูล ที่ปรึกษาคณะกรรมการศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ ซึ่งเป็นความริเริ่มของหน่วยงานภาครัฐวิสาหกิจโดยมีหน้าที่ให้การสนับสนุนภาครัฐและเอกชนเพื่อการพัฒนาสมาร์ท ซิตี้ กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรหลายรายนี้ ไม่ใช่แค่การร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ หากยังเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ให้ประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากประเทศไทยต้องก้าวสู่วิสัยทัศน์ในการพัฒนาสู่ความเป็นประเทศดิจิทัล (Digital Thailand) สำหรับแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ การสนับสนุนด้านเทคนิคจากเดลล์ และ อินเทล ช่วยให้การติดตั้งแพลตฟอร์มที่เป็นต้นแบบสำหรับสมาร์ท ซิตี้ ประสบความสำเร็จ ซึ่งจะเป็นใบเบิกทางไปสู่การนำ IoT ที่ล้ำหน้ามาใช้ได้มากขึ้น ครอบคลุมหลากหลายแง่มุมของการใช้ชีวิตสำหรับทั้งผู้พักอาศัยในชุมชนและนักท่องเที่ยว สิ่งนี้นับเป็นย่างก้าวครั้งสำคัญต่อไปในการบรรลุเป้าหมายของการเปลี่ยนประเทศไทยเป็นสมาร์ท เนชั่น หรือประเทศอัจฉริยะในที่สุด” ทั้งนี้ ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือ ICIC ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานชั้นนำอื่นๆ ในการติดตั้งโครงการดังกล่าว ได้แก่ สมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA – Thai Embedded Systems Association) มหาวิทยาลัยบูรพา BAESLab และ กสท โทรคมนาคม
โดยปกติ พยาบาลในเขตเทศบาล จะไปเยี่ยมผู้พักอาศัยที่เป็นผู้สูงอายุอยู่เป็นประจำเนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของข้อผูกพันในการดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พยาบาลก็ยังคงไม่สามารถดำเนินการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมในระหว่างเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากพยาบาลไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเมื่อไหร่ หรือต้องดูแลทางการแพทย์ต่อด้วยวิธีใด ปัจจุบัน โครงการนำร่องนี้ ช่วยให้พยาบาลสามารถดูแลสอดส่องสุขภาพของคนไข้สูงอายุได้จากระยะไกลผ่านระบบคลาวด์ และระบบวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการเชื่อมต่อบลูทูธ
แพลตฟอร์ม IoT ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน ให้การเชื่อมต่อแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ที่ปลอดภัยตั้งแต่เกตเวย์ตลอดจนอุปกรณ์และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยโซลูชันจะช่วยให้ติดตั้งใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้นและให้ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ในช่วงระยะแรกของโครงการนำร่องนี้ ผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุจะสวมใส่อุปกรณ์อัจฉริยะขนาดเล็กที่รับส่งสัญญาณบลูทูธได้ เช่นกำไลสวมข้อมือหรือสร้อยคอ โดยอุปกรณ์อัจฉริยะนี้ จะทำการสอดส่องจำนวนก้าว การเคลื่อนไหว ระยะทางในการเดิน และรูปแบบการนอนหลับ อีกทั้งสามารถแจ้งเตือนมายังผู้ดูแลในศูนย์ดูแลสุขภาพ เมื่อระบบตรวจจับกิจกรรมที่ไม่ปกติ เช่น การลื่นหกล้ม หรือมีการกดปุ่มฉุกเฉินขึ้น
ระบบเกตเวย์อัจฉริยะจากเดลล์ ที่ใช้เทคโนโลยีอินเทลเป็นฐาน จะทำการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพขนาดใหญ่ที่อุปกรณ์อัจฉริยะทำการบันทึกเก็บไว้ทุกวัน โดยจะมีการติดตั้ง Dell IoT Gateway ไว้ที่บ้านพักของผู้ป่วย พร้อมกับติดตั้ง Dell Edge Gateway 5000 Series ในรุ่นสำหรับใช้งานในอุตสาหกรรม ไว้ที่สถานพยาบาลด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยในการส่งข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวข้องและมีความถูกต้องแม่นยำ ไปยังไพรเวทคลาวด์ของเดลล์ และส่งต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของสถานพยาบาลในเขตเทศบาล ที่ซึ่งมีการแสดงข้อมูลอัพเดททั้งเมืองในแบบเรียลไทม์ พร้อมจัดเก็บข้อมูลไว้บนระบบ Converged System ของ Dell PowerEdge VRTX
นายเออร์วิน เมเยอร์ ผู้จัดการทั่วไป เดลล์ โออีเอ็ม โซลูชัน ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิคใต้ กล่าวว่า“การเข้าถึงประวัติการรักษาของคนไข้ และข้อมูลเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์สามารถระบุความจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะและแยกแยะวิธีการตอบสนองที่จำเป็นสำหรับกรณีการรักษาฉุกเฉิน โดยช่วยให้บริการพยาบาลในท้องที่ สามารถตอบโจทย์ท้าทายเรื่องบุคลากรด้านการดูแลที่มีอยู่จำกัด ขณะเดียวกันก็ยังสามารถตอบสนองความต้องการด้านการสนับสนุนที่เหมาะสมได้เร็วขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉิน”
หลังจากที่โครงการนำร่องเสร็จสิ้น ก็จะสามารถนำโซลูชันไปใช้กับแอพพลิเคชันสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ ต่อได้ เช่นกิจกรรมในการบำรุงรักษาและปรับปรุงด้านความปลอดภัยในที่สาธารณะ และท้ายที่สุดก็จะทำให้แสนสุขกลายเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จากโครงการ IoT เพื่อการดูแลสุขภาพ จะถูกเก็บไว้ใช้สำหรับโปรแกรมอื่นๆ ของแสนสุข สมาร์ท ซิตี้ เช่นระบบสารสนเทศสำหรับนักท่องเที่ยวบนโมบายแอพฯ ซึ่งจะแจ้งเตือนการจัดงาน บริการต่างๆ รวมถึงข้อมูลอื่นที่น่าสนใจให้แก่นักท่องเที่ยว
ส่วนนายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า“ขั้นตอนเริ่มต้นเหล่านี้ ที่มุ่งสู่การดูแลสุขภาพใน แสนสุข สมาร์ท ซิตี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นับเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าเทศบาลเมืองแสนสุข ได้มีการวางกลยุทธ์ไปข้างหน้า โดยโครงการนี้เป็นกรณีการใช้งานจริงที่พลิกโฉมการนำเสนอประโยชน์ใหม่อันเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสาน เช่น คลาวด์ ระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ เป็นส่วนใหญ่ในการติดตั้งเพื่อใช้งานโครงการ เรามีความยินดีที่ได้ร่วมนำเสนอความเชี่ยวชาญของเราจากการดำเนินโครงการสมาร์ท ซิตี้ อื่นๆ มาแล้วทั่วโลก รวมถึงความเชี่ยวชาญจากการทำงานให้กับสถาบันดูแลสุขภาพมากมาย”
ด้านนายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อินเทล รู้สึกเป็นเกียรติ์ทีได้รับโอกาสร่วมทำงานกับเทศบาลตำบลแสนสุข ศูนย์นวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ และ เดลล์ ในการช่วยให้แสนสุข เข้าใจถึงโครงการดูแลสุขภาพแบบอัจฉริยะเป็นโครงการแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปลี่ยนโฉมไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะ ความร่วมมือในครั้งนี้สร้างโมเดลใหม่สำหรับการนำโซลูชันแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ มาใช้งานได้อย่างเหมาะสมและตรงต่อความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง โครงการนำร่อง แสนสุข นี้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย และเราก็หวังถึงความสำเร็จที่มากยิ่งขึ้นในการนำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้เพื่อเสริมแกร่งวิสัยทัศน์สู่ดิจิทัล ไทยแลนด์”

เดลล์ ฉลองครบรอบ 20 ปี ออกโปรแรง 20 ดีลสุดคุ้ม แคมเปญ “More Dell More Deals”


Dell Brochure MDMD Page 1 v.2บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ฉลองครบรอบ 20 ปีในไทยอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญ “More Dell More Deals” ดีลสุดคุ้มเพื่อตอบแทนลูกค้ากับ “Weekly Deal” โปรโมชั่น 20 ดีลพิเศษทุกสัปดาห์ ให้ลูกค้าได้รับของสมนาคุณเพิ่มเมื่อซื้อคอมพิวเตอร์เดลล์รุ่น highlight ประจำสัปดาห์ เท่านั้นยังไม่พอรับไปเลยทันที Gift voucher มูลค่า 500 บาท เมื่อซื้อคอมพิวเตอร์เดลล์รุ่นที่มาพร้อมกับวินโดว์ พิเศษที่บูธ More Dell More Deals Roadshow ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ โคราช และต่างจังหวัด แถมยังได้รับส่วนลดทันที 2,000บาท เฉพาะ 50 ท่านแรกต่อที่ และพิเศษกว่าครั้งไหนๆ กับดีลสุดอิ่มใจเดลล์ให้เลย 5,000 บาท เพียงนำโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่ามาแลกซื้อเครื่องใหม่เพื่อนำไปบริจาคให้แก่น้องๆ ผู้ด้อยโอกาสใน 20 โรงเรียนทั่วประเทศ จะเลือกดีลไหนๆ ก็คุ้มสุดคุ้มทั้งนั้น รีบมาดีลกับเดลล์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 4 พฤศจิกายน 2558 เท่านั้น
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามอัพเดทดีลประจำสัปดาห์และรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/DellThailand    หรือที่  www.Dell-Thailand.com

เดลล์จัดโปรฯ คุ้มสุดคุ้ม “Incredible 10”คัดโน้ตบุ๊ก 9 รุ่นยอดนิยมอัพเกรดเป็น Windows 10 ฟรี


Dell Commart Bochure out A3 2

บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ต้อนรับความล้ำหน้าของระบบปฏิบัติการล่าสุด Windows 10 ด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษสุด “Incredible 10”    ที่คัดสรรโน้ตบุ๊ก 9 รุ่นยอดนิยม ประกอบด้วย Inspiron 3043,  Inspiron 3443,  Inspiron 3458,  Inspiron 5348,  Inspiron 7347/7348,  Inspiron 7447,  Inspiron 7548,  Vostro 5480 และ Venue 11 Pro   มาจำหน่ายในราคาพิเศษสุด แถมโปรสุดช็อคเมื่อซื้อพร้อม Windows จะได้รับการอัพเกรดเป็น Windows 10 พร้อมรับทันที Gift Voucher 500 บาท ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เดลล์ คลอด แท็บเล็ตพันธ์ุอึดตัวจริง เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก


MaxPNG1_Vertical

เดลล์ ประกาศเปิดตัว Latitude 12 Rugged Tablet แท็บเล็ตพันธ์ุอึด ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งานสมบุกสมบันได้อย่างเต็มรูปแบบเป็นตัวแรก โดยออกแบบมาเพื่อการใช้งานในเงื่อนไขที่สมบุกสมบันมากที่สุด  ด้วยการออกแบบล้ำสมัยพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานล้ำหน้า ทำให้แท็บแล็ตตัวใหม่นี้กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สายพันธ์อึดของเดลล์ ที่ประกอบไปด้วย Latitude 12 Rugged Extreme โน้ตบุ๊คพลิกหน้าจอแบบ Flip-hinge เพื่อการใช้งานระบบสัมผัสได้ รวมถึงโน้ตบุ๊ครุ่น Latitude 14 Rugged Extreme และ โน้ตบุ๊ค Latitude 14 Rugged

Latitude 12 Rugged Tablet ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์ที่ทนทานแต่ให้ความยืดหยุ่น พกพาไปในทุกที่ได้ มีหน้าจอ HD ที่ให้ความคมชัดสูงในขนาด 11.6 นิ้ว อ่านได้แม้ในภาวะแสงจ้ากลางแจ้ง ให้ความสามารถด้านมัลติทัช แม้สวมถุงมืออยู่ก็ใช้ได้  เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดแม้ในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด แท็บเล็ตพันธ์อึดรุ่นนี้จึงมาพร้อมระบบจัดการอุณหภูมิ QuadCool™ รุ่นที่ 5 แบบเบ็ดเสร็จในตัว รวมถึง Intel® Core™ M processors รุ่นที่ 5  ที่ทรงประสิทธิภาพและให้พลานุภาพสูงในการทำงาน โดยมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่แบบ 2 เซลล์ ที่ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง

สำหรับความสามารถในเรื่องการบริหารจัดการ และความน่าเชื่อถือ แท็บเล็ตสมบุกสมบันรุ่นนี้ยังให้สตอเรจแบบ solid state ที่ความจุ 512GB และให้ความสามารถในการเชื่อมต่อได้ทุกที่ผ่าน Wi-Fi ในมาตรฐานความเร็ว 802.11ac รวมถึงโมบาย บรอดแบนด์ เป็นทางเลือกพร้อม GPS ส่วนตัว นอกจากนี้ ยังเป็นแท็บเล็ตที่ให้ความมั่นใจได้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์และข้อมูลทั้งหมด เพราะมีระบบปกป้องข้อมูลของเดลล์ (Dell Data Protection) โดยมีทั้งในรุ่นที่ใช้ Intel® vPro™ และ Intel TPM 1.2

นอกจากจะเพิ่มศักยภาพการทำงานให้ลูกค้าสามารถใช้ระบบโมบายได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือเงื่อนไขแบบใดก็ตาม แท็บเล็ตรุ่นนี้ยังมี pogo-pin เพื่อต่อกับ docking ที่ให้ความทนทาน เพื่อใช้ต่อขยายการใช้งานร่วมกับคอมโพเนนต์อื่นๆ ได้ตามต้องการและยังให้ความสามารถในการจับคู่การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อย่าง desk dock, vehicle dock และคีย์บอร์ด มีแผ่นป้องกันคีย์บอร์ดแบบเต็มขนาดเป็นทางเลือกมาด้วยสำหรับแท็บเล็ตรุ่นสมบุกสมบัน โดยมี RGB backlight ที่ปรับแสงได้ และมีมาตรฐานการป้องกันระดับ IP-65 Rating เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหรือฝุ่นเข้าตัวเครื่อง

“อุปกรณ์รุ่นสมบุกสมบันของเดลล์ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานทหาร หรือหน่วยงานฉุกเฉิน หน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยสาธารณะ งานในอุตสาหกรรม นักวิทยาศาสตร์ และกระทั่งนักผจญภัยทั้งหลาย สิ่งสำคัญสำหรับอุปกรณ์สมบุกสมบันในสาย Latitude ของเดลล์ คือการให้พลังประมวลผลสูงสุด และให้ความสามารถในการใช้งานแบบโมบายเพื่อช่วยให้ทำงานได้เสร็จ” นายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นชุดปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น หรือเป็นนักกิจกรรมกลางแจ้งที่ขึ้นไปพิชิตยอดเขาเป็นครั้งแรก Latitude 12 Rugged Tablet ของเดลล์ สร้างมาเพื่อประสิทธิภาพในแบบที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยไม่ต้องกังวลแม้จะต้องทำงานในสภาพแวดล้อมแบบใด”

แท็บเล็ตพันธ์อึด Latitude 12 Rugged Tablet วางจำหน่ายผ่าน Dell.com ในสหรัฐอเมริกา สิ้นเดือนกรกฏาคม

เดลล์ ปล่อย  XPS 13 โน้ตบุ๊ก 13 นิ้วที่เล็กที่สุดในโลกลงตลาด


XPS 13 Ultrabook Touch NotebookXPS 13 Touch Notebook

บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด  แนะนำ เดลล์ XPS 13 โน้ตบุ๊หน้าจอ 13 นิ้วที่เล็กที่สุดในโลกเจ้าของรางวัล CES Innovation Award 2015 พร้อมจำหน่ายในไทยแล้ว ในราคา 62,990 บาท

เดลล์ XPS 13มีขอบที่บางเฉียบจึงสามารถใส่จอแสดงผลขนาด 13 นิ้วลงในโน้ตบุ๊กขนาด 11 นิ้วได้อย่างลงตัวตัวเครื่องดีไซน์ล้ำยุคด้วยวัสดุชั้นเยี่ยมเพื่อความทนทานที่เป็นเลิศ    ด้วยโครงสร้างแบบอะลูมิเนียมขึ้นรูปชิ้นเดียว กรอบรอบๆ จอที่บางช่วยเพิ่มพื้นที่บนหน้าจอในดีไซน์ที่ล้ำสมัย จอภาพ Infinity มีกรอบสามด้านและแต่ละด้านมีขนาดที่เล็กมากเพียง 5.2 มม.  มาพร้อมกับ Windows 8.1 เพื่อประสบการณ์การใช้งานพีซีที่ลื่นไหลและคล่องตัว หนาเพียง 9-15 มม. บวกกับน้ำหนักเริ่มต้นที่ 1.18 กก. จึงพกพาใส่กระเป๋าติดตัวไปไหนก็ได้อย่างสะดวกสบาย เต็มอิ่มกับสุดยอดของความคมชัดเที่ยงตรง และถ่ายทอดรายละเอียดได้ครบถ้วนด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ UltraSharp™ QHD+ (3200×1800) มองเห็นภาพได้ชัดเจนจากเกือบทุกมุมด้วยแผงหน้าจอแบบ IGZO2 IPS ที่มีมุมมองการรับชมกว้างถึง 170 องศา สามารถเลือกเป็นจอภาพระบบสัมผัสที่สามารถโต้ตอบกับเทคโนโลยีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใช้งานแอพ ซอฟต์แวร์ Adobe และ OS ได้คล่องเพียงปลายนิ้วสัมผัส สัมผัสกับความเร็ว ความคมชัด และกราฟิกที่เหนือกว่าด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Core ใช้งานได้นานถึง 15 ชั่วโมงบนจอภาพ FHD (และ 11 ชั่วโมงบนจอภาพ QHD+) ด้วยแบตเตอรี่ระดับชั้นนำของวงการ4 และเมื่อจับคู่กับ Dell Power Companion แล้วก็สามารถใช้งานได้นานขึ้นถึง 22 ชั่วโมง ประหยัดพลังงานยิ่งกว่าที่เคยมีมาจนได้รับการรับรองมาตรฐาน ENERGY STAR® 6.0 หมดกังวลเรื่องจอเป็นรอย ด้วยจอภาพ Corning Gorilla Glass NBT QHD+ สามารถทนรอยขีดข่วนได้ดีกว่ากระจกแก้วโซดาไลม์ถึง 10 เท่า

เดลล์เผยโฉมพีซีตัวแรกของอุตสาหกรรมเชื่อมเกี่ยวไฮเทคเพื่อเพิ่มผลิตผลการทำงาน


smart desk

เดลล์ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมในสายพีซีเพื่อการใช้งานในธุรกิจที่ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่คอนเทนท์ที่ต้องการเพื่อเพิ่มผลิตผลการทำงานได้สูงสุด ด้วยการเปิดตัวแท็บเล็ตชั้นนำของอุตสาหกรรม รวมถึง “สมาร์ท เดสค์” นวัตกรรมพื้นที่การทำงานของโลกอนาคต ตลอดจนจอมิเตอร์ 5K Ultra HD และโซลูชันซอฟต์แวร์บูรณาการเพื่อความสามารถในการจัดการ และการรักษาความปลอดภัย เดลล์ตอกย้ำอีกครั้งถึงการเป็นผู้นำในการมอบโซลูชันเพื่อการจัดการแบบครบวงจรที่ปลอดภัยที่สุดให้กับผู้ใช้พีซี

จากข้อมูลของไอดีซี 1 เสถียรภาพของเดลล์ในธุรกิจโซลูชันไคลเอนท์ (พีซี) ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเป็นระยะเวลา 7 ไตรมาสต่อเนื่องกันในปีต่อปี และยังมีการเติบโตสูงกว่าคู่แข่งระดับแนวหน้าอีก 2 รายในตลาดสหรัฐอเมริการวมกันในไตรมาส 3

“เจฟฟ์ คลากค์ รองประธานกรรมการฝ่ายปฏิบัติการ และประธานโซลูชันไคลเอนท์ของเดลล์ กล่าวว่าสิ่งที่องค์กรต้องการจากเราไม่ใช่พีซี หรือซอฟต์แวร์แอพพลิเคชันที่ดีขึ้น หากแต่ต้องการให้เราช่วยพวกเขาให้สามารถสร้างผลิตผลในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น สามารถแก้ปัญหา และกระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น และนั่นคือสิ่งที่เดลล์กำลังสร้างสรรค์ขึ้นใหม่”

เดลล์กำลังจะสร้างคำจำกัดความของพื้นที่การทำงาน (workspace) ขึ้นใหม่ด้วยผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย และคอนเซ็ปต์ที่จะเปลี่ยนกรอบเดิมๆ ที่ผู้ใช้คุ้นเคยในการใช้งานเทคโนโลยี โดย Dell UltraSharp 27 Monitor คือจอแสดงผล Ultra HD ตัวแรกของโลกที่ให้ความคมชัด 5K (5120 x 2880) ซึ่งเป็นความคมชัดที่สูงกว่า QHD 4 เท่า และสูงกว่า 7 เท่าในกรณีของ Full HD

และเพื่อขยายขอบข่ายความสามารถเพื่อเป็นมากกว่าสกรีน เดลล์เปิดเผยแนวคิด “สมาร์ท เดสค์” ที่จะเข้ามาปฎิวัติพื้นที่ในการทำงาน (workspace) ของอนาคต โดยการผสานจอ LCD แบบ interactive multi-touch เข้ากับพื้นที่การทำงานดิจิตอลในแนวราบที่ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสัมผัส หรือใช้งานสไตลัส ตลอดจนกระทั่งอุปกรณ์เสริม (totem-based tool) ยุคใหม่ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถรองรับการทำงานร่วมกับผู้ใช้อื่นๆ รวมทั้งดิจิตอล เดสค์ท็อปเพื่อการคอลลาบอเรชั่นที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

จากรายงาน  การสำรวจตลาดแท็บเล็ตโดย Harris International ซึ่งจัดทำขึ้นสำหรับเดลล์ องค์กรไอทีมากกว่าหนึ่งในสามต่างหวั่นวิตกกับเวลาที่ต้องใช้ในการเซ็ทอัพ ปรับแต่ง จัดการ และสร้างความปลอดภัยให้กับแท็บเล็ตเมื่อเทียบกับเครื่องแล็ปท็อป องค์กรเหล่านี้เชื่อว่าแท็บเล็ตมีความอ่อนไหวต่อไวรัส ตลอดจนช่องโหว่ในซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย อีกทั้งยังล้าสมัยอย่างรวดเร็ว ผู้นำด้านไอทีถูกกดดันให้จัดการกับความท้าทายต่างๆ นี้ด้วยการรวบรวมโซลูชันผลิตภัณฑ์ด้านจากผู้ค้ารายต่างๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน ดังนั้น เดลล์จึงมอบทางเลือกที่คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วยการบูรณาการความสามารถซอฟต์แวร์การจัดการ และการรักษาความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรมเข้ากับแท็บเล็ต และพีซีที่มีความสามารถด้านการจัดการ และการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดของโลก เพื่อให้สามารถจัดซื้อ นำไปใช้ และสนับสนุนการทำงานในระบบนิเวศน์ด้านไคลเอนท์ทั้งหมดภายในจุดเดียว

ดังนั้น เดลล์จึงผสานการอัพเดทใหม่เข้ากับแท็บเล็ตที่ได้รับความนิยมอย่าง Dell Venue 11 Pro 7000 ซีรีย์  โดยแท็บเล็ตVenue 11 Pro ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งสร้างผลิตผลในการทำงานให้กับโมบายล์ เวิร์คเกอร์ พร้อมทั้งอำนวยความปลอดภัยในการเข้าถึงข้อมูลที่อยู่เหนือไปจากระบบไฟร์วอลล์ขององค์กรเพื่อการจัดการทางไอทีที่ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ฟีเจอร์ของเดลล์ Venue 11 Pro ตัวใหม่ประกอบด้วย:

  • ตัวเครื่องที่บางลง 15 เปอร์เซ็นต์พร้อมการออกแบบแบบ fan-less เพื่อความเบา และเพื่อประสบการณ์การทำงานแบบไร้เสียง
  • อายุการทำงานของแบตเตอรีที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับการทำงานในตลอดวัน
  • คีย์บอร์ดสำหรับการเดินทางเพื่อประสบการณ์การทำงานแบบแล็ปท็อปอย่างเต็มรูปแบบ และคีย์บอร์ดขนาดบางเพื่อความสามารถในการพกพาสูงสุด
  • ตัวประมวลผล อินเทล Core M processors รุ่นล่าสุด
  • จอแสดงผลขนาดขนาด 10.8 นิ้วพร้อม FHD IPS มุมกว้าง (1920 x 1080)
  • ด็อคกิ้ง สเตชั่นเพื่อใช้งานกับมอนิเตอร์ คีย์บอร์ด และเมาส์เพื่อการใช้งานแบบพีซี
  • โซลูชันที่ปรับแต่งเพื่อผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในแต่ละสาขา:

o             เดลล์ เฮลธ์แคร์ เคสที่สามารถทำให้ปราศจากเชื้อโดยสมบูรณ์ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานในโรงพยาบาล และสถานที่ทางการแพทย์ เพื่อการทำงานจากห้องผู้ป่วยไปจนถึงห้องผ่าตัด

o             โซลูชันเดลล์ โมบายล์ เปย์เม้นท์ที่มาพร้อมกับเครื่องสแกนบาร์โค้ดแบบ 2D และเครื่องอ่านแถบแม่เหล็กเพื่อความประสบการณ์ความคล่องตัวที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับลูกค้า ให้กับอุตสาหกรรมด้านการค้าปลีก การท่องเที่ยว และการบริการ

เดลล์ Venue 11 Pro สามารถปรับแต่งเพื่อเพิ่มฟีเจอร์ด้านการรักษาความปลอดภัย ซึ่งรวมถึงกระบวนการยืนยันตัวตนสองระดับ (two-factor authentication) ด้วยสมาร์ทการ์ด และเครื่องอ่านลายนิ้วมือ พร้อมด้วยชุดซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเครื่องไคลเอนท์ Dell Data Protection suite เมื่อปรับเพิ่มออพชั่นดังกล่าวแล้ว เดลล์ Venue 11 Pro คือแท็บเล็ตบนวินโดว์ที่มีความสามารถในการจัดการ และการรักษาความปลอดภัยสูงสุด และเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองโดย U.S. Department of Defense Unified Capabilities Approved Products List (UC APL)

ชุดซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อความสามารถในการจัดการ และการรักษาความปลอดภัยระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม

โดยได้รับการพัฒนาขึ้นบนความเป็นผู้นำด้านฮาร์ดแวร์ Dell Software Suite คือยูนิไฟด์ ไคลเอนท์ ซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกับเครื่องเดลล์ ไคลเอนท์ หรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต่างชนิดกันได้อย่างไร้รอยต่อเพื่อให้การจัดการ และการรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม โดยชุดซอฟต์แวร์จะเข้ามาจัดการวิกฤตของอุปกรณ์ปลายทาง (เอ็นด์พ้อยต์) และความท้าทายทางไอทีในส่วนของโมบิลิตี้ด้วยความสามารถต่างๆ ดังต่อไปนี้:

  • จัดการดีไวซ์บนวินโดว์อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความสามารถในการกำหนดระบบฮาร์ดแวร์ และ software inventory การใช้ BIOS และการอัพเดทไดรฟเวอร์ และดูข้อมูลการรับประกันด้วย Dell KACE K1000 Express
  • อำนวยความสะดวกในการสร้างผลิตผลการทำงานให้กับคนทำงานที่ต้องเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา ในขณะที่คุ้มครององค์กรจากภัยคุกคามด้วยการบังคับใช้นโยบายการควบคุมสิทธิ์ในการเข้าถึงที่จะช่วยทำให้มั่นใจได้ว่ามีเพียงผู้ใช้ และดีไวซ์ที่เชื่อถือได้ รวมทั้งแอพพลิเคชันที่ได้รับการอนุญาตเท่านั้นที่จะได้รับการยอมรับให้เชื่อมต่อ VPN ด้วย E-Class SRA EX Virtual Appliance ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Dell Secure Mobile Access.
  • คุ้มครองผู้ใช้จากการฉวยโอกาสจากช่องโหว่ zero-day และจากการโจมตีของมัลแวร์ฟิชชิ่ง เนื่องจากเกิดขึ้นมาจากโครงการการป้องกันอุปกรณ์ปลายทาง (เอ็นด์พ้อยท์) ในระดับแอดวานซ์ซึ่งได้รับทุนจากหน่วยงาน US Defense Advanced Research Projects Agency (DARPA) เดลล์ Data Protection | Protected Workspace จับเอาแอพพลิเคชันที่เป็นเป้าหมายการโจมตีไว้ในคอนเทนเนอร์แบบเสมือน (virtual container) หากมีการโจมตีเกิดขึ้น มัลแวร์จะถูกปิดผนึกขณะที่สภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยจะถูกกู้คืนกลับมาภายในเวลา 20 วินาที
  • สร้างสภาพแวดล้อมในการจัดการที่ปลอดภัยสำหรับดาต้า และแอพพลิเคชันบนแท็บเล็ตแอนดรอยด์ด้วย Dell Mobile Management

นอกจากนี้ เดลล์ยังขยายขอบข่ายความสามารถในด้านการจัดการสูงสุดด้วย เดลล์ คอมมานด์ ทูลส์ตัวใหม่ ที่สามารถบูรณาการเข้าสู่โซลูชันด้านระบบการจัดการที่มีอยู่เดิมของลูกค้าทั้ง SCCM หรือ KACE โดยไร้รอยต่อเพื่อการใช้งานที่สะดวก การตรวจสอบที่ชัดเจน และการอัพเดทที่มีประสิทธิภาพ และเดลล์ยังเป็นผู้ผลิตแบบ OEM ที่รวมเอา Microsoft Powershell Provider ไว้ในคอมมานด์ ทูลส์ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการสร้างสคริปส์อย่างชัดเจน  โดยความสามารถทั้งหมดนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 5,700 ดอลลาร์ต่อปีต่อจำนวนลูกค้าทุกๆ 100 รายซึ่งเป็นผลมาจากประสิทธิภาพในการจัดการที่เพิ่มมากขึ้น

สำหรับความพร้อมในการวางตลาดมอนิเตอร์ Dell UltraSharp 27 (UP2715K) จะพร้อมจำหน่ายบน Dell.com ในประเทศจีนในวันที่ 20 พฤศจิกายน และจะพร้อมจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 18 ธันวาคม  และเดลล์ Venue 11 Pro 7000 ซีรีย์พร้อมวางจำหน่ายบน Dell.com สหรัฐอเมริกาตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน

 

เดลล์ ขึ้นแท่นบริษัทที่นำเสนอเทคโนโลยีผสานรวม ที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก  


DW2014 (1)

ในฐานะบริษัทเอกชน เดลล์ได้เร่งการลงทุนทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงช่องทางจำหน่าย สร้างยอดขายและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อมอบนวัตกรรมและการเติบโตสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถในการดำเนินตามกลยุทธ์ระยะยาวที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้า 100 เปอร์เซ็นต์ เดลล์ยืนหยัดอย่างสง่างามในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันผสานรวมที่ครบวงจรซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสุดสำหรับลูกค้า

ไมเคิล เดลล์ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “วันนี้ เดลล์คือบริษัทที่นำเสนอระบบไอทีแบบผสานรวม (Integrated IT Company) ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก กลยุทธ์ของเราสะท้อนถึงสิ่งที่ลูกค้าทั่วโลกมองหานั่นคือผู้ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรที่ยั่งยืน และเชื่อถือได้เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งด้านธุรกิจ และไอที” ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์เชื่อมต่อปลายทาง (เอ็นด์พ้อยต์) ไปจนถึงดาต้า เซ็นเตอร์ กระทั่งระบบคลาวด์ ทั้งลูกค้าและคู่ค้าต่างมองเห็นคุณค่าในการทำงานร่วมกับเดลล์ ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่น ความสะดวก สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้”

เดลล์แซงหน้าคู่แข่งด้วยการเติบโตของโซลูชันครบวงจร

จากข้อมูลของไอดีซี (อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม เดลล์คือซัพพลายเออร์ด้านสตอเรจ อันดับ 1 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยอิงจากจำนวนเทอราไบท์ทั้งหมดที่จำหน่ายทั้งในส่วนของสตอเรจเพื่อการใช้งานทั้งภายในและภายนอก (Internal และ External Storage)

จากข้อมูลของไอดีซี เดลล์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 2 ของโลกด้านส่วนแบ่งทางการตลาด ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ x86 และยังสามารถรักษาสถานภาพผู้นำอันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากไอดีซียังระบุว่า สำหรับไตรมาสที่สอง เดลล์เป็นผู้จำหน่ายหลักเพียงรายเดียวที่มีการเติบโต ทั้งในส่วนของแร็ค เซิร์ฟเวอร์ และเบลด เซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นปีต่อปี

เดลล์ ซอฟต์แวร์ มีการเติบโตของรายได้ถึงสองหลัก เนื่องจากบริษัทได้ขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดแข็งในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการข้อมูล รวมถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูล และระบบผสานการทำงานของแอพพลิเคชันระดับเอนเตอร์ไพรซ์ โดยนับตั้งแต่มีการเสริมสายผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เข้าในโปรแกรมเดลล์ พาร์ทเนอร์ ไดเร็ค (Dell PartnerDirect program) ในปีที่ผ่านมา ก็ทำให้รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับช่องทางจำหน่ายของเดลล์ ซอฟต์แวร์ เติบโตเป็นสองหลักเช่นกัน

จากข้อมูลเบื้องต้นของไอดีซี เดลล์ยังคงรักษาเสถียรภาพในธุรกิจโซลูชันไคลเอนท์ (พีซี) เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ตามปีปฎิทิน 2557 จากการที่บริษัทมีการเติบโตของส่วนแบ่งในตลาดโลก 7 ไตรมาสติดต่อกันปีต่อปี ซึ่งเติบโตมากกว่าคู่แข่งหลักทั้งสองรายในสหรัฐอเมริการวมกัน โดยอิงจากข้อมูลไอดีซีเมื่อเร็วๆ นี้ และจากข้อมูลดังกล่าว ส่วนแบ่งของเดลล์ในตลาดพีซีสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 24 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี และมียอดการส่งพีซีทั่วโลกระหว่างไตรมาสที่เติบโตเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี

นอกจากนี้เดลล์ได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ให้เป็นผู้ให้บริการด้านไอทีสำหรับเฮล์ธแคร์ อันดับ 1 ของโลกในด้านไอที โดยอ้างอิงจากตัวเลขรายได้ในปี 2556

ด้วยอัตราการขยายตัวอย่างมากในแง่ของส่วนแบ่งทางการตลาด เดลล์ เซอร์วิสได้รับการยอมรับในฐานะของผู้ท้าชิงรายหลักในรายงานซึ่งเป็นตารางการเปรียบเทียบผู้ให้บริการเอาท์ซอร์สด้านไอทีสำหรับการธนาคารในกลุ่มของ Everest (Everest Group Banking IT Outsourcing PEAK Matrix) ที่ยังคงมีความสามารถเหนือชั้นในเรื่องการบริการทางการเงิน โดยมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงการสร้างพันธมิตร และมีการวางเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโตในเรื่องของเทคโนโลยีที่ซับซ้อน จากทั้งสถาบันการเงินและการธนาคาร

เดลล์เพิ่มจำนวนโซลูชัน เซ็นเตอร์ทั่วโลกเพื่อลูกค้าองค์กร

เดลล์ประกาศแผนการขยายโซลูชัน เซ็นเตอร์ใหม่ในดาวน์ทาว ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ในช่วงต้นปี 2558 ด้วยเซ็นเตอร์ใหม่ที่เปิดขึ้นในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  และเซา เปาโล ประเทศบราซิล การลงทุนใหม่ในชิคาโก้ จะทำให้บริษัทมีเซ็นเตอร์ทั้งสิ้น 15 แห่งทั่วโลกเพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กร และพันธมิตรสามารถทดสอบ และประเมินโซลูชัน และบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น

ตั้งแต่การเปิดเดลล์ โซลูชันเซ็นเตอร์ที่แรกในไลเมอริค ประเทศไอร์แลนด์ในปี 2554 เดลล์มีลูกค้าองค์กรทั้งหมดเกือบ 20,000 แห่ง รวมไปถึงพันธมิตรที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งก่อให้เกิดยอดการขายมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ และเพียงช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ก้าวย่างของธุรกิจในแต่ละเซ็นเตอร์ทั่วโลกกำลังเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น โซลูชัน เซ็นเตอร์ทั้งหมดของเดลล์ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร และต้อนรับลูกค้ามากกว่า 11,000 ราย

โดยลูกค้าองค์กรที่เข้ามาใช้โซลูชัน เซ็นเตอร์ของเดลล์มีตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรภาครัฐ ไปจนถึงบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมไปถึงพันธมิตรช่องทางการจำหน่ายของเดลล์ด้วยเช่นกัน

ซึ่งเดลล์ โซลูชันเซ็นเตอร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ลูกค้า และพันธมิตรสามารถสำรวจ พัฒนา และทดสอบโซลูชัน และเทคโนโลยีที่ตรงตามความต้องการเฉพาะทางด้านไอทีอย่างที่สุด เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจ และความได้เปรียบในการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น

ความสามารถหลักที่ส่งให้เดลล์แตกต่างคือระบบเครือข่ายที่สร้างขึ้นเพื่อให้โซลูชัน เซ็นเตอร์ใดๆ ก็ตามในโลกสามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้ เพื่อมอบระบบเครือข่ายระดับโลกที่ทรงพลังอย่างแท้จริงให้กับทั้งลูกค้า และพันธมิตรเพื่อให้สามารถทดสอบแอพพลิเคชันต่างๆ ทั่วโลกด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายของเดลล์

เดลล์ผลักดันนวัตกรรมใหม่ขึ้นสมรรถนะระดับทำลายสถิติด้วยเดลล์ รีเสิร์ช

เดลล์ รีเสิร์ชได้พัฒนาโซลูชันซึ่งผ่านการพิสูจน์แนวคิด(proof-of-concept) แล้วที่เรียกว่า ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ (High Velocity Cloud) ที่สามารถซัพพอร์ตระบบจราจรของโมบายล์ ดีไวซ์ในเมืองขนาดกลาง อาทิ ออสติน ด้วยการใช้หนึ่งในสี่ของแร็คของเดลล์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายเท่านั้น

ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์มาตรฐานสามารถประมวลผลแพ็คเก็ตสมรรถนะสูงได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ความสามารถของเวอร์ชวลไลซ์ สแตนดาร์ด เซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นถึง 20x เพื่อรองรับฟังก์ชั่นงานที่ต้องการระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูง

เมื่อเร็วๆ นี้ เดลล์ รีเสิร์ชพร้อมด้วยพันธมิตรได้สร้างสถิติด้านสมรรถนะด้วยการสาธิตด้วยการใช้ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ ซึ่งเป็น Dell R920 เวอร์ชวลไลซ์ แสตนดาร์ด เซิร์ฟเวอร์ พร้อมเน็ตเวิร์ค อแดปเตอร์มาตรฐาน โดยไม่มีฮาร์ดแวร์พิเศษใดๆให้สามารถเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับระบบที่สามารถซัพพอร์ตแบนด์วิธที่ความเร็ว 214 กิกะบิตต่อวินาที ในขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของซีพียูในเซิร์ฟเวอร์ยังเหลือเพื่อรันเวิร์คโหลดที่ต้องการประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์คสูงต่อไป

สิ่งสำคัญที่ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์สามารถก่อให้เกิดขึ้นนั้นมหาศาล อาทิ การบริการที่ครั้งหนึ่งต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนในการเปิดให้บริการ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งนี่คือการสร้างโอกาสอย่างมหาศาล ทั้งยังช่วยให้องค์กรให้ปรับแนวคิดรูปแบบธุรกิจ การจัดสรรทรัพยากร และสายผลิตภัณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์

เดลล์ทำให้อนาคตของไอทีเป็นรูปร่างขึ้นได้ด้วยเดลล์ เวนเจอร์

การลงทุนของเดลล์ เวนเจอร์จะช่วยให้เดลล์สามารถยืนอยู่ในระดับแนวหน้าของการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับลูกค้า และให้การซัพพอร์ตผู้ประกอบการ (entrepreneurs) ที่จะเป็นคนช่วยทำให้อนาคตของไอทีเป็นรูปร่างขึ้นมา

เดลล์ประกาศการลงทุนในอินวินเซีย (Invincea) ลาสต์ไลน์ (Lastline) ฟอร์เมชั่น ดาต้า ซิสเต็มส์ (Formation Data Systems) และ and นีเซนต้า (Nexenta) ตั้งแต่ที่ Strategic Innovation Venture มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ได้รับการเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถูกวางเป้าหมายไว้ที่การลงทุนในบริษัทที่อยู่ในระยะเริ่มต้นของการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging technology) ซึ่งรวมถึงสตอเรจ คลาวด์ คอมพิวติ้ง บิ๊ก ดาต้า เน็กซ์-เจนเนอเรชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ การรักษาความปลอดภัย และโมบิลิตี้

เดลล์ นำมูลค่ามาสู่บริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ (startups) รวมทั้งยังนำมาซึ่งเทคนิค และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ตลอดจนการเข้าถึงแบรนด์ ลูกค้า ช่องทางการจำหน่าย และพันธมิตรในการเข้าสู่ตลาด และโซลูชันแบบโออีเอ็ม

เดลล์ ฉลองทศวรรษที่ 3 ก้าวสู่เจ้าตลาดไอทีด้วยความอัจฉริยะทางเทคโนโลยี


Image

เดลล์ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่สยายปีกธุรกิจเพื่อครองความเป็นเจ้าตลาดไอทีด้วยอัจฉริยะทางเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและการทำตลาดแบบ 360 องศา

ล่าสุดในโอกาสฉลองการดำเนินธุรกิจครบรอบ 30 ปีของ เดลล์ นับแต่ครั้งที่ ไมเคิล เดลล์ ได้สร้าง ปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่วงการไอทีโลก ในปี 1984 ด้วยการพัฒนา PC เป็นผลสำเร็จด้วยวัยเพียง 19 ปี เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ก็ได้สานต่อกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดันให้ เดลล์ ครองความนิยมในกลุ่ม คอนซูเมอร์หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มคอมเมอร์เชียล และในปีนี้ เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ก็ประกาศความภาคภูมิอีกครั้งหลังได้รับการจัดอันดับในฐานะเบอร์ 1 แบรนด์ยอดฮิตทั้งในไทย และอาเซียน โดยสามารถครองกระแสนิยม เป็นอันดับหนึ่งทั้งเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์จากการจัดอันดับโดย ZocialRank

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในส่วนของ กลุ่มตลาดคอนซูเมอร์ เดลล์ ได้ใช้ “โซเชียลมีเดีย”และการทำตลาดแบบ 360 องศา เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทาง การตลาดหลัก เพื่อเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเราใช้เวลาเพียง 5 ปี เพื่อสร้างการยอมรับให้แก่ผู้บริโภคในไทย และตลอดมาแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะเป็นเช่นไร แต่ เดลล์ ก็ยังสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการยอมรับด้านคุณภาพสินค้าตลอดจนการพัฒนาคิดค้นเทคโนโยลีอันทันสมัย และการบริการแบบ On-site services ที่ให้บริการแบบซ่อมตรงถึงที่มาหลอมรวมผ่านผลิตภัณฑ์สู่มือผู้บริโภค

“ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเดือนที่เดลล์มีอายุครบ  30 ปี เราสามารถสร้างจำนวนแฟนเพจในเฟสบุ๊ค ได้กว่า 7 ล้านคนทั่วโลก” โดยในปี 2014 เดลล์วางแผนปลุกกระแส ตลาดโดยการส่งผลิตภัณฑรุ่นใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ Inspiron ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง นำร่องด้วย เดลล์ อินสไปรอน (Inspiron) 3000 และ 5000 ซีรี่ส์ โดยชูจุดขายที่คุณภาพ ดีไซน์ และแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า รวมถึง เดลล์ มอนิเตอร์ (Monitor) ในตระกูลอัลตร้าชาร์ป UltraSharp 4K model UP3214Q และ เดลล์ UltraSharp 24 Ultra HD U2414H”

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ  30 ปี เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษขึ้นภายใต้ชื่อ “เดลล์ 30 ยังแจ๋ว” โดยมอบส่วนลดเงินคืนถึง 30% สำหรับกลุ่มสินค้ายอดนิยม อาทิ เดลล์ อินสไปรอน (Inspiron) 3000, 5000  และ 7000 ซีรี่ส์, เดลล์ อินสไปรอน (Inspiron)  23 All-in-one, Vostro 5470 นอกจากนี้ พร้อมรับบัตรสมนาคุณ (Gift voucher) มูลค่าสูงสุด  1,000 บาท ในรุ่นที่ร่วมรายการ รวมถึงโปรโมชั่นพิเศษสำหรับเดลล์ Accessories ต่างๆ ซึ่งสามารถชม  รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/dellthailand

 ImageImage

เดลล์เปิดตัว Dell 5460 อัลตร้าบุ๊กและโน้ตบุ๊ก 14” ราคาเริ่ม 16,590 บาท


Image

เดลล์ เผยโฉม Dell 5460 อัลตร้าบุ๊กและโน้ตบุ๊ก 14” ราคาเริ่มที่ 16,590 บาท ที่บางเบาที่สุดในโลกแต่จัดเต็มประสิทธิภาพเจาะกลุ่ม Gen Y ผสานเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ากับวัสดุและดีไซน์ พร้อมหน่วยประมวลผล 3rd Generation Intel Core i3 และ i5 processor พร้อมระบบปฏิบัติการ Window 8  

เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) ร่วมกับ อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) สร้างกระแสช็อควงการไอที เมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวอัลตร้าบุ๊ก และโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุด “เดลล์ 5460 (Dell 5460)” ภายใต้คอนเซปต์  “DELL 5460 Achievement Society” บางเบา คล่องตัว ตอบโจทย์ทุกความสำเร็จ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาและต้องการประสิทธิภาพในการทำงานผสานกับศักยภาพในการตอบสนองด้านเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างคล่องตัว สามารถพกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวก ในราคาที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้มีอยู่ใน Dell 5460

นายอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Dell 5460 ถูกดีไซน์ขึ้นเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน ซึ่งครบครันไปด้วยความโดดเด่นที่หลากหลาย  สิ่งแรกคือ Pack Light and Play Everywhere ปัจจุบันชีวิตประจำวันของคนในสังคมเริ่มเปลี่ยนไป ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่  การใช้เวลากับการทำงานเริ่มมากขึ้นกว่าอดีตแม้ในวันพักผ่อน ดังนั้น เดลล์ จึงได้พัฒนาอัลตร้าบุ๊กและโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุด เพื่อตอบสนองการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถพกพาไปได้ในทุกที่ทุกเวลา เชื่อมต่อได้ทุกที่ และที่สำคัญ มีราคาที่จับต้องได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 16,590 บาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะวันนี้ Dell 5460 ถูกสร้างสรรค์ขึ้น เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้

ทั้งนี้ Dell 5460 ถือได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊กหน้าจอ 14 นิ้ว ในกลุ่มระดับราคาไม่เกิน 20,000 บาทที่บางที่สุดของโลก ณ ปัจจุบัน “Dell 5460 เปรียบเสมือนคู่หูคนใหม่ ของ Gen Yผู้รักอิสระเปี่ยมด้วยรสนิยมและความมั่นใจในการใช้ชีวิต ที่ผสานเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ากับวัสดุ และดีไซน์ชั้นยอดผลิตจากบลัชอลูมิเนียมเนื้อดี พื้นผิวสัมผัสเนียนลื่น เรียบเท่ห์ด้วยสี Graphite Silver มีน้ำหนักเบาเพียง 1.54 กิโลกรัม และที่สำคัญมีความหนาของตัวเครื่องเพียง 18.3มิลลิเมตรเท่านั้นทำให้ง่ายต่อการพกพาไปในที่ต่างๆสามารถใช้ทำงานและเปิดโลกเอนเตอร์เทนเมนต์ได้ในเวลาเดียวกัน ผ่านหน้าจอ ความละเอียดระดับ HD ขนาด 14 นิ้วอย่างไม่สะดุด” นายอโณทัยกล่าวถึงประสิทธิภาพของ Dell 5460

ด้านประสิทธิภาพการทำงานนอกจากความโดดเด่นด้านบางเบาแล้ว Dell 5460 ยังพร้อมที่มอบ Superior Performance ผ่านระบบประมวลผลอย่างรวดเร็วเต็มประสิทธิภาพ ด้วยชิฟอัจฉริยะ 3rd Generation Intel Core i3 และ i5 processor และระบบปฏิบัติการ Window 8 ซึ่งรองรับการทำงานแบบ Multi – Programming ลดทอนการทำงานโปรแกรมหลังบ้านให้น้อยที่สุด เพื่อลดการทำงานที่ไม่จำเป็นในขณะนั้น ทำให้สามารถ ทำงานไปพร้อมๆ กับการดูหนังเรื่องโปรด ได้อย่างไม่สะดุด สามารถแชร์ผ่าน Social Media ได้อย่างรวดเร็ว เต็มอิ่มทุกความบันเทิงผ่านหน้าจอขนาด 14” คมชัดทุกมุมมองด้วยหน้าจอระบบ HD ผ่านระบบเสียง MaxxVoice Pro ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านเสียงที่ดีที่สุด ณ ปัจจุบัน ที่มาพร้อมกับ Subwoofer จึงมีเสียงที่คมชัด แม้การติดต่อผ่าน Video Call เพราะมีไมโครโฟนทั้งด้านหน้าและพิเศษที่ฝาหลัง ทั้งยังสามารถระบายความร้อนได้มากกว่าเดิมด้วยระบบ Dual Fan 

 อีกประการที่เชื่อว่าลูกค้ายุคปัจจุบันให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องประสิทธิภาพ ดีไซน์ และราคา นั่นก็คือ เรื่องบริการหลังการขาย ซึ่งลูกค้าเดลล์หมดกังวลกับปัญหาดังกล่าวได้ด้วยบริการ Dell On-site Services  บริการที่พร้อม ช่วยเหลือผู้ใช้บริการแบบซ่อมตรงถึงที่ เพียงแจ้งที่อยู่ให้ทราบ ทีมงานก็จะจัดส่งช่างผู้ชำนาญการ ไปดูแลปัญหาให้ในอีก1วันทำการ ซึ่งถือเป็นความพิเศษมากสำหรับ Dell 5460  ที่พร้อมมอบการรับประกันแบบ 1 Year On-site Services” 

Image

Dell 5460 ที่เต็มทุกประสิทธิภาพบนดีไซน์ที่บางมากกว่าที่เคยสัมผัส ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 16,590 บาท ประกอบด้วย โน้ตบุ๊ก 4 รุ่น และที่ถือเป็นไฮไลต์คือ Dell 5460 ที่มาในแบบอัลตร้าบุ๊ก ในราคา 22,990 บาท เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในทุกอิสระการใช้ชีวิต พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ของคนไทยในปัจจุบัน