ในฐานะบริษัทเอกชน เดลล์ได้เร่งการลงทุนทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงช่องทางจำหน่าย สร้างยอดขายและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เพื่อมอบนวัตกรรมและการเติบโตสู่แถวหน้าของอุตสาหกรรม ด้วยความสามารถในการดำเนินตามกลยุทธ์ระยะยาวที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้า 100 เปอร์เซ็นต์ เดลล์ยืนหยัดอย่างสง่างามในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันผสานรวมที่ครบวงจรซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสุดสำหรับลูกค้า
ไมเคิล เดลล์ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “วันนี้ เดลล์คือบริษัทที่นำเสนอระบบไอทีแบบผสานรวม (Integrated IT Company) ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก กลยุทธ์ของเราสะท้อนถึงสิ่งที่ลูกค้าทั่วโลกมองหานั่นคือผู้ให้บริการโซลูชันแบบครบวงจรที่ยั่งยืน และเชื่อถือได้เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งด้านธุรกิจ และไอที” ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอุปกรณ์เชื่อมต่อปลายทาง (เอ็นด์พ้อยต์) ไปจนถึงดาต้า เซ็นเตอร์ กระทั่งระบบคลาวด์ ทั้งลูกค้าและคู่ค้าต่างมองเห็นคุณค่าในการทำงานร่วมกับเดลล์ ทั้งในแง่ของความเชื่อมั่น ความสะดวก สามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้”
เดลล์แซงหน้าคู่แข่งด้วยการเติบโตของโซลูชันครบวงจร
จากข้อมูลของไอดีซี (อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชั่น) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรม เดลล์คือซัพพลายเออร์ด้านสตอเรจ อันดับ 1 ในครึ่งปีแรกของปี 2557 โดยอิงจากจำนวนเทอราไบท์ทั้งหมดที่จำหน่ายทั้งในส่วนของสตอเรจเพื่อการใช้งานทั้งภายในและภายนอก (Internal และ External Storage)
จากข้อมูลของไอดีซี เดลล์ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 2 ของโลกด้านส่วนแบ่งทางการตลาด ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ x86 และยังสามารถรักษาสถานภาพผู้นำอันดับ 1 ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากไอดีซียังระบุว่า สำหรับไตรมาสที่สอง เดลล์เป็นผู้จำหน่ายหลักเพียงรายเดียวที่มีการเติบโต ทั้งในส่วนของแร็ค เซิร์ฟเวอร์ และเบลด เซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นปีต่อปี
เดลล์ ซอฟต์แวร์ มีการเติบโตของรายได้ถึงสองหลัก เนื่องจากบริษัทได้ขยายธุรกิจซอฟต์แวร์ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดแข็งในเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย การจัดการข้อมูล รวมถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูล และระบบผสานการทำงานของแอพพลิเคชันระดับเอนเตอร์ไพรซ์ โดยนับตั้งแต่มีการเสริมสายผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์เข้าในโปรแกรมเดลล์ พาร์ทเนอร์ ไดเร็ค (Dell PartnerDirect program) ในปีที่ผ่านมา ก็ทำให้รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับช่องทางจำหน่ายของเดลล์ ซอฟต์แวร์ เติบโตเป็นสองหลักเช่นกัน
จากข้อมูลเบื้องต้นของไอดีซี เดลล์ยังคงรักษาเสถียรภาพในธุรกิจโซลูชันไคลเอนท์ (พีซี) เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 3 ตามปีปฎิทิน 2557 จากการที่บริษัทมีการเติบโตของส่วนแบ่งในตลาดโลก 7 ไตรมาสติดต่อกันปีต่อปี ซึ่งเติบโตมากกว่าคู่แข่งหลักทั้งสองรายในสหรัฐอเมริการวมกัน โดยอิงจากข้อมูลไอดีซีเมื่อเร็วๆ นี้ และจากข้อมูลดังกล่าว ส่วนแบ่งของเดลล์ในตลาดพีซีสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 24 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน หรือเพิ่มขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี และมียอดการส่งพีซีทั่วโลกระหว่างไตรมาสที่เติบโตเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี
นอกจากนี้เดลล์ได้รับการจัดอันดับจากการ์ทเนอร์ให้เป็นผู้ให้บริการด้านไอทีสำหรับเฮล์ธแคร์ อันดับ 1 ของโลกในด้านไอที โดยอ้างอิงจากตัวเลขรายได้ในปี 2556
ด้วยอัตราการขยายตัวอย่างมากในแง่ของส่วนแบ่งทางการตลาด เดลล์ เซอร์วิสได้รับการยอมรับในฐานะของผู้ท้าชิงรายหลักในรายงานซึ่งเป็นตารางการเปรียบเทียบผู้ให้บริการเอาท์ซอร์สด้านไอทีสำหรับการธนาคารในกลุ่มของ Everest (Everest Group Banking IT Outsourcing PEAK Matrix) ที่ยังคงมีความสามารถเหนือชั้นในเรื่องการบริการทางการเงิน โดยมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงการสร้างพันธมิตร และมีการวางเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เติบโตในเรื่องของเทคโนโลยีที่ซับซ้อน จากทั้งสถาบันการเงินและการธนาคาร
เดลล์เพิ่มจำนวนโซลูชัน เซ็นเตอร์ทั่วโลกเพื่อลูกค้าองค์กร
เดลล์ประกาศแผนการขยายโซลูชัน เซ็นเตอร์ใหม่ในดาวน์ทาว ชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ในช่วงต้นปี 2558 ด้วยเซ็นเตอร์ใหม่ที่เปิดขึ้นในดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเซา เปาโล ประเทศบราซิล การลงทุนใหม่ในชิคาโก้ จะทำให้บริษัทมีเซ็นเตอร์ทั้งสิ้น 15 แห่งทั่วโลกเพื่อช่วยให้ลูกค้าองค์กร และพันธมิตรสามารถทดสอบ และประเมินโซลูชัน และบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
ตั้งแต่การเปิดเดลล์ โซลูชันเซ็นเตอร์ที่แรกในไลเมอริค ประเทศไอร์แลนด์ในปี 2554 เดลล์มีลูกค้าองค์กรทั้งหมดเกือบ 20,000 แห่ง รวมไปถึงพันธมิตรที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งก่อให้เกิดยอดการขายมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ และเพียงช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ก้าวย่างของธุรกิจในแต่ละเซ็นเตอร์ทั่วโลกกำลังเพิ่มความเร็วยิ่งขึ้น โซลูชัน เซ็นเตอร์ทั้งหมดของเดลล์ได้ทำงานร่วมกับพันธมิตร และต้อนรับลูกค้ามากกว่า 11,000 ราย
โดยลูกค้าองค์กรที่เข้ามาใช้โซลูชัน เซ็นเตอร์ของเดลล์มีตั้งแต่องค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรภาครัฐ ไปจนถึงบริษัทขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมไปถึงพันธมิตรช่องทางการจำหน่ายของเดลล์ด้วยเช่นกัน
ซึ่งเดลล์ โซลูชันเซ็นเตอร์มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ลูกค้า และพันธมิตรสามารถสำรวจ พัฒนา และทดสอบโซลูชัน และเทคโนโลยีที่ตรงตามความต้องการเฉพาะทางด้านไอทีอย่างที่สุด เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจ และความได้เปรียบในการแข่งขันที่ดียิ่งขึ้น
ความสามารถหลักที่ส่งให้เดลล์แตกต่างคือระบบเครือข่ายที่สร้างขึ้นเพื่อให้โซลูชัน เซ็นเตอร์ใดๆ ก็ตามในโลกสามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้ เพื่อมอบระบบเครือข่ายระดับโลกที่ทรงพลังอย่างแท้จริงให้กับทั้งลูกค้า และพันธมิตรเพื่อให้สามารถทดสอบแอพพลิเคชันต่างๆ ทั่วโลกด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายของเดลล์
เดลล์ผลักดันนวัตกรรมใหม่ขึ้นสมรรถนะระดับทำลายสถิติด้วยเดลล์ รีเสิร์ช
เดลล์ รีเสิร์ชได้พัฒนาโซลูชันซึ่งผ่านการพิสูจน์แนวคิด(proof-of-concept) แล้วที่เรียกว่า ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ (High Velocity Cloud) ที่สามารถซัพพอร์ตระบบจราจรของโมบายล์ ดีไวซ์ในเมืองขนาดกลาง อาทิ ออสติน ด้วยการใช้หนึ่งในสี่ของแร็คของเดลล์ เซิร์ฟเวอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายเท่านั้น
ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์มาตรฐานสามารถประมวลผลแพ็คเก็ตสมรรถนะสูงได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ความสามารถของเวอร์ชวลไลซ์ สแตนดาร์ด เซิร์ฟเวอร์เพิ่มขึ้นถึง 20x เพื่อรองรับฟังก์ชั่นงานที่ต้องการระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูง
เมื่อเร็วๆ นี้ เดลล์ รีเสิร์ชพร้อมด้วยพันธมิตรได้สร้างสถิติด้านสมรรถนะด้วยการสาธิตด้วยการใช้ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์ ซึ่งเป็น Dell R920 เวอร์ชวลไลซ์ แสตนดาร์ด เซิร์ฟเวอร์ พร้อมเน็ตเวิร์ค อแดปเตอร์มาตรฐาน โดยไม่มีฮาร์ดแวร์พิเศษใดๆให้สามารถเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับระบบที่สามารถซัพพอร์ตแบนด์วิธที่ความเร็ว 214 กิกะบิตต่อวินาที ในขณะที่ 90 เปอร์เซ็นต์ของซีพียูในเซิร์ฟเวอร์ยังเหลือเพื่อรันเวิร์คโหลดที่ต้องการประสิทธิภาพของเน็ตเวิร์คสูงต่อไป
สิ่งสำคัญที่ไฮ เวโลซิตี้ คลาวด์สามารถก่อให้เกิดขึ้นนั้นมหาศาล อาทิ การบริการที่ครั้งหนึ่งต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนในการเปิดให้บริการ สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งนี่คือการสร้างโอกาสอย่างมหาศาล ทั้งยังช่วยให้องค์กรให้ปรับแนวคิดรูปแบบธุรกิจ การจัดสรรทรัพยากร และสายผลิตภัณฑ์ได้อย่างสมบูรณ์
เดลล์ทำให้อนาคตของไอทีเป็นรูปร่างขึ้นได้ด้วยเดลล์ เวนเจอร์
การลงทุนของเดลล์ เวนเจอร์จะช่วยให้เดลล์สามารถยืนอยู่ในระดับแนวหน้าของการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้กับลูกค้า และให้การซัพพอร์ตผู้ประกอบการ (entrepreneurs) ที่จะเป็นคนช่วยทำให้อนาคตของไอทีเป็นรูปร่างขึ้นมา
เดลล์ประกาศการลงทุนในอินวินเซีย (Invincea) ลาสต์ไลน์ (Lastline) ฟอร์เมชั่น ดาต้า ซิสเต็มส์ (Formation Data Systems) และ and นีเซนต้า (Nexenta) ตั้งแต่ที่ Strategic Innovation Venture มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ได้รับการเปิดตัวไปในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวถูกวางเป้าหมายไว้ที่การลงทุนในบริษัทที่อยู่ในระยะเริ่มต้นของการเติบโตในกลุ่มเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ (emerging technology) ซึ่งรวมถึงสตอเรจ คลาวด์ คอมพิวติ้ง บิ๊ก ดาต้า เน็กซ์-เจนเนอเรชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ การรักษาความปลอดภัย และโมบิลิตี้
เดลล์ นำมูลค่ามาสู่บริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ (startups) รวมทั้งยังนำมาซึ่งเทคนิค และการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ ตลอดจนการเข้าถึงแบรนด์ ลูกค้า ช่องทางการจำหน่าย และพันธมิตรในการเข้าสู่ตลาด และโซลูชันแบบโออีเอ็ม