5 แบงก์ยักษ์จับมือตั้งกลุ่ม TAPS พลิกโฉมปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินครั้งแรกในไทย


IMG_0635.JPG
5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ ได้แก่ กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ทหารไทย ไทยพาณิชย์ และธนชาต จับมือพลิกโฉมปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินครั้งแรกในไทย ภายใต้ชื่อกลุ่ม TAPS บุกขยายฐานติดตั้งเครื่องรับบัตร EDC รูปแบบใหม่รวมฟังก์ชั่น 5 ธนาคารในเครื่องเดียว ขานรับนโยบายรัฐ National e-Payment อำนวยความสะดวกร้านค้าและประชาชนไม่ต้องถือเงินสด พร้อมลดค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตเหลือ 0.55% อ้าแขนรับร้านค้าและบริษัทภาครัฐ-เอกชนทั่วประเทศ
5 ธนาคารพันธมิตรกลุ่ม TAPS ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกและเป็นปรากฏการณ์สำคัญในวงการธนาคารไทยที่ 5 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จับมือเพื่อสร้างความแตกต่างในนามกลุ่ม Thai Alliance Payment System หรือกลุ่ม TAPS เพื่อให้บริการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) แก่หน่วยงานภาครัฐ ร้านค้าและบริษัทภาคเอกชนทั้งใหญ่-เล็ก ตอบรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) โดยเฉพาะโครงการขยายการใช้บัตร (Card Expansion) เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน ไม่ต้องพกเงินสด

การจัดตั้งกลุ่ม TAPS มีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ และสร้างเครือข่ายการให้บริการที่แข็งแกร่ง จากการจับมือของ 5 ธนาคารสมาชิก ได้ร่วมกันพัฒนาฟังก์ชั่นในการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ร้านค้าเพิ่มขึ้นในทุกๆด้าน เพราะเป็นการระดมสมองจาก 5 แบงก์ใหญ่ เครื่องรับบัตรกลุ่ม TAPS จึงเป็นเครื่องรับบัตรรูปแบบใหม่ แตกต่างจากเครื่องรับบัตรแบบเดิมๆ สามารถเพิ่มช่องทางการจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านค้ากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก เพราะในตัวเครื่องจะรวมฟังก์ชั่นพิเศษของทั้ง 5 ธนาคารสมาชิกไว้ในเครื่องเดียว เช่น ฟังก์ชั่นการผ่อนชำระ และฟังก์ชั่นการสะสมแต้ม ทำให้ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีหลายเครื่องเพื่อรองรับบัตรของแต่ละธนาคารอีกต่อไป จะช่วยลดความซ้ำซ้อนด้านการลงทุนและการใช้งานแก่ร้านค้าได้เป็นอย่างมาก อีกทั้ง ด้วยจำนวนผู้ถือบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของทั้ง 5 ธนาคารซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ทำให้ร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรของกลุ่ม TAPS มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะมาซื้อสินค้า/บริการและชำระเงินด้วยบัตรอย่างแน่นอน

การจับมือกันของพันธมิตร 5 แบงก์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความร่วมมือระหว่างธนาคารที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้บริโภคขึ้นใน 2 ระดับ ระดับแรกคือ จากการร่วมกันลงทุนด้านโครงสร้าง และพัฒนานวัตกรรม ซึ่งมีผลให้ต้นทุนในการให้บริการลูกค้าต่ำลง ซึ่งผลที่ได้จะตกอยู่กับลูกค้าในที่สุด และระดับที่สอง คือ ทั้ง 5 ธนาคารจะมีการพัฒนาและมีการออกแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อจูงใจให้กับร้านค้า ดังนั้น ร้านค้าจึงสามารถเลือกแบงก์ที่ให้ผลประโยชน์ดีที่สุด เพิ่มทางเลือกให้กับร้านค้าที่จะได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้นได้อีก

ขณะนี้ กลุ่ม TAPS ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงการคลังให้เป็นผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องรับบัตรแก่ร้านค้าแล้ว ในช่วงแรกตั้งเป้าติดตั้งเครื่องรับบัตรให้ครอบคลุมร้านค้าทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 500,000 ร้าน ภายในเดือนมีนาคม 2561 โดยกลุ่ม TAPS มีความพร้อมในการให้บริการได้ทันที เนื่องจากธนาคารสมาชิกทั้ง 5 ต่างก็มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านค้ารับบัตร อีกทั้งมีความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุน บุคลากร เทคโนโลยี และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินเนื่องจากการดำเนินงานภายในมีการตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ ขึ้นมา เช่น ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาทาง IT และเทคโนโลยี และด้านการตลาดซึ่งธนาคารสมาชิกทั้ง 5 ได้ส่งตัวแทนผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมในคณะทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดตลอดมา

นอกจากนี้ กลุ่ม TAPS ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการรับบัตรสำหรับบัตรเดบิตจากปกติ 1,5 – 1.8% เหลือเพียง 0.55% และโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ ที่จะตามมา เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตร เดบิต โดยกลุ่ม TAPS พร้อมแล้วที่จะให้บริการเครื่องรับบัตรรูปแบบใหม่ที่จะมอบความสะดวกให้ร้านค้าทำธุรกิจได้อย่างสมาร์ท เติบโต และแตกต่าง เพื่อผลกำไรสูงสุด

“แจ๋ว” จับมือ “กรุงไทย” ออกบริการใหม่ขยายช่องทางบริการทั่วประเทศ


jaew ktb (3)

แจ๋ว จับมือธนาคารกรุงไทย ออกบริการรูปแบบใหม่ เพื่อขยายช่องทางบริการทางการเงินให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ ที่มีและไม่มีบัญชีธนาคาร ให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างกันได้ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

นายปานเทพย์ นิลสินธพ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานผลิตภัณฑ์บริการทางการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า “จากการเปิดให้บริการทางการเงินรูปแบบใหม่ภายใต้ชื่อบริการ “แจ๋ว” ที่ให้บริการโอนเงิน รับเงิน และจ่ายบิลกับกลุ่มลูกค้ากว่า 40% ของคนในประเทศไทยที่ไม่มีบัญชีธนาคาร สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายๆ แค่มีเบอร์โทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชน ผ่านตัวแทนแจ๋วกว่า 7,000 จุดที่ครอบคลุมทุกตำบลในประเทศไทย เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

วันนี้จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญของบริการ “แจ๋ว”จากความไว้วางใจที่ได้รับจากธนาคารกรุงไทย ที่ได้ร่วมกันสร้างบริการใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าที่มีและไม่มีบัญชีธนาคาร สามารถโอนเงิน รับเงินระหว่างตัวแทนแจ๋วและธนาคารกรุงไทยได้อย่างสะดวก เนื่องจากที่ผ่านมาเราได้เปิดให้บริการแจ๋ว เจาะกลุ่มลูกค้าที่ไม่มีบัญชีธนาคาร อาทิ กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง กลุ่มลูกค้าที่ทำงานในโรงงาน และกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย  ได้เข้าถึงการโอนเงิน รับเงิน และจ่ายบิลกับตัวแทนแจ๋ว กว่า 7,000 จุดที่ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศมาแล้ว แต่เราพบว่า ลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีความต้องการที่จะทำธุรกรรมทางการเงิน ทั้งการโอนเงิน และรับเงินกับลูกค้าที่มีบัญชีธนาคารด้วยเช่นกัน เราจึงมองหาสถาบันการเงินหลักของประเทศอย่างธนาคารกรุงไทย เชิญมาร่วมกันสร้างบริการใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ด้วยกัน ซึ่งทำให้เป็นที่มาของบริการใหม่ 3 บริการ นั่นคือ

  1. บริการโอนเงินจากตัวแทนแจ๋ว เข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย
  2. บริการโอนเงินจากธนาคารกรุงไทยไปยังตัวแทนแจ๋ว โดยลูกค้าสามารถไปรับเงินได้ที่ตัวแทนแจ๋วใกล้บ้าน
  3. บริการโอนเงินจากตัวแทนแจ๋ว ไปยังตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย โดยลูกค้าสามารถไปกดรับเงินด้วยตนเองที่ตู้เอทีเอ็มที่ไหนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีหรือบัตรเอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย

บริการใหม่เหล่านี้จะช่วยทำให้ลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม ได้มีช่องทางในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างกันได้ และสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งบริการนี้ยังสอดคล้องกับจุดแข็งของบริการแจ๋ว ที่ลูกค้ายังได้ทำธุรกรรมทางการเงินกับคนคุ้นเคย แถมยังมีธนาคารกรุงไทย มาช่วยเสริมในเรื่องของความน่าเชื่อถือและยังเป็นการร่วมกันขยายช่องทางให้กับลูกค้าได้มากขึ้นอีกด้วย”

ทางด้านนายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า การร่วมมือกับดีแทคในครั้งนี้เป็นการขยายช่องทางบริการทางการเงินของธนาคาร เพื่อให้ลูกค้า และประชาชนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างทั่วถึง สะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย ทั้งผู้ที่มีบัญชีและไม่มีบัญชีกับธนาคาร โดยสามารถใช้บริการฝากเงิน โอนเงิน ระหว่างแจ๋วและธนาคารผ่านสาขาของธนาคารกว่า 1,200 สาขา และเครื่องเอทีเอ็ม กว่า 9,000 จุดทั่วประเทศ  ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของธนาคาร KTB Growing Together หรือ กรุงไทย ก้าวไกล ไปกับคุณ ที่มุ่งมั่นสร้างบริการที่มีคุณค่า เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเติบโต รวมทั้งสร้างคุณภาพที่ดีขึ้นแก่สังคม