5 แบงก์ยักษ์จับมือตั้งกลุ่ม TAPS พลิกโฉมปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินครั้งแรกในไทย


IMG_0635.JPG
5 ธนาคารยักษ์ใหญ่ ได้แก่ กรุงไทย กรุงศรีอยุธยา ทหารไทย ไทยพาณิชย์ และธนชาต จับมือพลิกโฉมปฏิวัติรูปแบบการชำระเงินครั้งแรกในไทย ภายใต้ชื่อกลุ่ม TAPS บุกขยายฐานติดตั้งเครื่องรับบัตร EDC รูปแบบใหม่รวมฟังก์ชั่น 5 ธนาคารในเครื่องเดียว ขานรับนโยบายรัฐ National e-Payment อำนวยความสะดวกร้านค้าและประชาชนไม่ต้องถือเงินสด พร้อมลดค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตเหลือ 0.55% อ้าแขนรับร้านค้าและบริษัทภาครัฐ-เอกชนทั่วประเทศ
5 ธนาคารพันธมิตรกลุ่ม TAPS ระบุว่า นับเป็นครั้งแรกและเป็นปรากฏการณ์สำคัญในวงการธนาคารไทยที่ 5 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จับมือเพื่อสร้างความแตกต่างในนามกลุ่ม Thai Alliance Payment System หรือกลุ่ม TAPS เพื่อให้บริการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) แก่หน่วยงานภาครัฐ ร้านค้าและบริษัทภาคเอกชนทั้งใหญ่-เล็ก ตอบรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment Master Plan) โดยเฉพาะโครงการขยายการใช้บัตร (Card Expansion) เพื่ออำนวยความสะดวกกับประชาชน ไม่ต้องพกเงินสด

การจัดตั้งกลุ่ม TAPS มีเป้าหมายเพื่อเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ และสร้างเครือข่ายการให้บริการที่แข็งแกร่ง จากการจับมือของ 5 ธนาคารสมาชิก ได้ร่วมกันพัฒนาฟังก์ชั่นในการใช้งาน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ร้านค้าเพิ่มขึ้นในทุกๆด้าน เพราะเป็นการระดมสมองจาก 5 แบงก์ใหญ่ เครื่องรับบัตรกลุ่ม TAPS จึงเป็นเครื่องรับบัตรรูปแบบใหม่ แตกต่างจากเครื่องรับบัตรแบบเดิมๆ สามารถเพิ่มช่องทางการจัดโปรโมชั่นระหว่างร้านค้ากับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเข้าถึงลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก เพราะในตัวเครื่องจะรวมฟังก์ชั่นพิเศษของทั้ง 5 ธนาคารสมาชิกไว้ในเครื่องเดียว เช่น ฟังก์ชั่นการผ่อนชำระ และฟังก์ชั่นการสะสมแต้ม ทำให้ร้านค้าไม่จำเป็นต้องมีหลายเครื่องเพื่อรองรับบัตรของแต่ละธนาคารอีกต่อไป จะช่วยลดความซ้ำซ้อนด้านการลงทุนและการใช้งานแก่ร้านค้าได้เป็นอย่างมาก อีกทั้ง ด้วยจำนวนผู้ถือบัตรเดบิตและบัตรเครดิตของทั้ง 5 ธนาคารซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ทำให้ร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรของกลุ่ม TAPS มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะมาซื้อสินค้า/บริการและชำระเงินด้วยบัตรอย่างแน่นอน

การจับมือกันของพันธมิตร 5 แบงก์ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของความร่วมมือระหว่างธนาคารที่จะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้บริโภคขึ้นใน 2 ระดับ ระดับแรกคือ จากการร่วมกันลงทุนด้านโครงสร้าง และพัฒนานวัตกรรม ซึ่งมีผลให้ต้นทุนในการให้บริการลูกค้าต่ำลง ซึ่งผลที่ได้จะตกอยู่กับลูกค้าในที่สุด และระดับที่สอง คือ ทั้ง 5 ธนาคารจะมีการพัฒนาและมีการออกแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ เพื่อจูงใจให้กับร้านค้า ดังนั้น ร้านค้าจึงสามารถเลือกแบงก์ที่ให้ผลประโยชน์ดีที่สุด เพิ่มทางเลือกให้กับร้านค้าที่จะได้รับประโยชน์เพิ่มมากขึ้นได้อีก

ขณะนี้ กลุ่ม TAPS ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงการคลังให้เป็นผู้ให้บริการติดตั้งเครื่องรับบัตรแก่ร้านค้าแล้ว ในช่วงแรกตั้งเป้าติดตั้งเครื่องรับบัตรให้ครอบคลุมร้านค้าทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 500,000 ร้าน ภายในเดือนมีนาคม 2561 โดยกลุ่ม TAPS มีความพร้อมในการให้บริการได้ทันที เนื่องจากธนาคารสมาชิกทั้ง 5 ต่างก็มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านค้ารับบัตร อีกทั้งมีความแข็งแกร่งทั้งด้านเงินทุน บุคลากร เทคโนโลยี และมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยสำหรับการชำระเงินเนื่องจากการดำเนินงานภายในมีการตั้งคณะทำงานด้านต่างๆ ขึ้นมา เช่น ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาทาง IT และเทคโนโลยี และด้านการตลาดซึ่งธนาคารสมาชิกทั้ง 5 ได้ส่งตัวแทนผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมในคณะทำงานด้วยกันอย่างใกล้ชิดตลอดมา

นอกจากนี้ กลุ่ม TAPS ได้ปรับลดค่าธรรมเนียมการรับบัตรสำหรับบัตรเดบิตจากปกติ 1,5 – 1.8% เหลือเพียง 0.55% และโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆ ที่จะตามมา เพื่อรองรับการเติบโตของการใช้จ่ายผ่านบัตร เดบิต โดยกลุ่ม TAPS พร้อมแล้วที่จะให้บริการเครื่องรับบัตรรูปแบบใหม่ที่จะมอบความสะดวกให้ร้านค้าทำธุรกิจได้อย่างสมาร์ท เติบโต และแตกต่าง เพื่อผลกำไรสูงสุด

ทีเอ็มบี ผนึกกำลัง อาลีบาบา ผ่านเรดดี้แพลนเน็ต ติดอาวุธเอสเอ็มอียุคดิจิทัล ทะยานสู่การค้าโลก


IMG_0515.JPG

ทีเอ็มบี ผนึกกำลัง อาลีบาบากรุ๊ป เว็บไซต์การค้าออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก และเรดดี้แพลนเน็ต รวมพลังพันธมิตรสนับสนุนเอสเอ็มอีไทย ขยายช่องทางธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ พร้อมเติมแต้มต่อด้วยโซลูชั่นทางการเงินที่ตอบโจทย์ทุกความเป็นไปได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ทั้งด้านความคุ้มค่าประหยัดค่าใช้จ่าย เสริมแกร่งด้วยความรู้ด้านธุรกรรมระหว่างประเทศ และการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ เพื่อผลักดันเอสเอ็มอีไทยทะยานสู่การค้าระดับโลกอย่างมั่นใจ
นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี หรือธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีเอ็มบีมีนโยบายสนับสนุนเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจการส่งออกและต้องการก้าวสู่ตลาดโลกโดยผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ จึงได้มุ่งพัฒนาแคมเปญพิเศษร่วมกับ Alibaba.com ผ่านบริษัทตัวแทน คือ บริษัทเรดดี้แพลนเน็ต จำกัด โดยเอสเอ็มอีที่สมัครสมาชิกแบบ Gold Supplier บน Alibaba.com ผ่านทาง เรดดี้แพลนเน็ต พร้อมกับเปิดบัญชี TMB SME One Bank จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ได้แก่ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างประเทศ (ขาเข้า) รับอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ ฟรีค่าธรรมเนียมการโอน รับ จ่าย ในประเทศ และค่าต่ออายุสมาชิก Alibaba.com ในปีถัดไป พร้อมเสริมความมั่นใจในการทำธุรกิจระหว่างประเทศด้วยการเข้าอบรมหลักสูตร SME Trade Expert Program by TMB ที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าระหว่างประเทศของทีเอ็มบี และยังเพิ่มโอกาสการค้ามากขึ้นด้วยการได้พื้นที่โฆษณาในหน้าหลักของ Alibaba.com ฟรีตลอด 1 เดือนอีกด้วย ซึ่งสิทธิประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์และเป็นแต้มต่อให้เอสเอ็มอีในการทำธุรกิจผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มของอาลีบาบาให้ประสบความสำเร็จ ขับเคลื่อนให้เอสเอ็มอีไทยเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ
นายเจอรี่ หวู่ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Alibaba.com เว็บไซต์การค้าออนไลน์อันดับหนึ่งของโลก กล่าวว่า Alibaba.com ให้ความสำคัญกับตลาดอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยอย่างมาก โดยมองเห็นถึงศักยภาพในการขยายตัวและเติบโตได้อีกมากมาย พร้อมทั้งต้องการให้ผู้ประกอบการไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญและการขยายโอกาสธุรกิจไปสู่ตลาดโลก ไม่ใช่เพียงตลาดแถบเอเชียเท่านั้น ทั้งนี้ แคมเปญพิเศษที่ได้ร่วมมือทีเอ็มบี นับเป็นมิติใหม่และโอกาสที่ดีในการยกระดับธุรกิจอี-คอมเมิร์ช ให้ครบวงจรมากขึ้น โดย Alibaba.com จะเป็นช่องทางเชื่อมธุรกิจการค้าระหว่างประเทศให้ผู้ซื้อ-ผู้ขายมาพบกัน เมื่อเสริมด้วย ทีเอ็มบี ซึ่งจะเป็นผู้ขับเคลื่อนด้านธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศให้สมบูรณ์แบบ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกรรมการเงินได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน Alibaba.com ก็พร้อมแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เป็นประโยชน์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเอสเอ็มอีไทยอีกด้วย
นายทรงยศ คันธมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด ผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนผู้ให้บริการสมัครสมาชิกกับ Alibaba.com รายแรกในประเทศไทย กล่าวว่า “บริษัทฯ มีเป้าหมายในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของคนไทยให้มีโอกาสในการส่งออกไปยังเวทีการค้าโลกได้อย่างสะดวก ผ่านช่องทาง Alibaba.com ดังนั้น ความร่วมมือกับทีเอ็มบีในแคมเปญพิเศษนี้ นับเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความแตกต่างของเรดดี้แพลนเน็ตด้วยการยกระดับสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิก เพิ่มโซลูชั่นด้านธุรกรรมการเงินสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจระหว่างประเทศ จากเดิมที่เรามีเครื่องมือทางการตลาดให้อย่างครบถ้วน ทั้งการสมัครเป็นสมาชิก Alibaba การจัดอบรม การให้คำปรึกษาเชิงลึก โดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญพิเศษนี้ จะยังได้รับสิทธิการอบรมหลักสูตรการตลาดออนไลน์ Digital Marketing และการจัดทำเว็บไซต์และโดเมนร้านค้าออนไลน์ในชื่อของตนเอง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าโซลูชั่นนี้จะจุดประกายให้เอสเอ็มอีไทยกล้าที่จะขยายธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังต่างประเทศมากขึ้น และจะมีส่วนสร้างความคึกคักและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างมาก”

ทีเอ็มบี เลือก ไมโครซอฟท์ คลาวด์ เสริมศักยภาพองค์กร ปูทางสู่ผู้นำสถาบันการเงินของไทยในยุคดิจิทัล


tmb-ms

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจในประเทศไทย ผ่านการสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่รองรับยุคของคลาวด์และโมบาย โดยล่าสุด  ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี ได้ประกาศเลือกใช้บริการคลาวด์ Microsoft Office 365 (ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 365) เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับการติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วมกันในองค์กร อย่างมีประสิทธิภาพ การประกาศเลือกใช้ Microsoft Office 365 ในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงเป้าหมายของทีเอ็มบี   ที่จะมุ่งเป็นผู้นำด้านบริการธุรกรรมการเงินของไทยเพื่อประสิทธิภาพทางการเงินของลูกค้าโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลนี้

ไอดีซี   ได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2558 ภาคธุรกิจการเงินของประเทศไทยจะหันมาใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มมากขึ้นและมีแนวโน้มมากกว่าภาคธุรกิจการเงินในประเทศภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกอีกด้วย  ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจการเงินของประเทศไทยสามารถลดต้นทุนในการดำเนินการ และสร้างมาตรฐานใหม่ในการนำเทคโนโลยีคลาวด์มาใช้เพิ่มมากขึ้น

นายลอเรนโซ ทัสซาน-บัสซัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฎิบัติการ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า “สำหรับทีเอ็มบี เราเป็นธนาคารที่ตระหนักถึงความสำคัญและประโยชน์ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบไอทีให้ทันสมัยอยู่เสมอ  ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงได้มีการลงทุนในการสร้างเครื่องมือสำหรับการทำงานที่ครบวงจรเพื่อช่วยให้พนักงานของเราสามารถทำงานที่สามารถสนองและตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว  ทีเอ็มบี ประกอบไปด้วย 48 สายงานและพนักงานจำนวน  9,000 คน  เราต้องการลดขั้นตอนต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประสานความร่วมมือระหว่างกันของคนในองค์กร  และส่งเสริมให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า เพิ่มความคุ้มค่าในการลงทุน แต่ขณะเดียวกันเรายังคงสามารถรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของเราและของลูกค้าในระบบออนไลน์ไว้ได้  โดยแทนที่เราจะอัพเกรดโซลูชั่นที่มีอยู่เดิม เราเลือกที่จะมาใช้บริการคลาวด์ Office 365 ของไมโครซอฟท์ซึ่งสามารถตอบโจทย์และเหมาะสมกับความต้องการในการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของเรา”

“พนักงานของเราจะได้รับประโยชน์หลายประการจากการใช้งาน Office 365   เช่น สามารถแก้ไขเอกสารงานได้พร้อมกันหลายๆ คน และจะช่วยเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมจากการส่งอีเมล์จำนวนมาก มาสู่การใช้เครื่องมือสำหรับการสื่อสารอย่าง  Lync  ซึ่งตอนนี้ทางไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนมาเป็น Skype for Business ที่ช่วยให้พนักงานสามารถติดต่อสื่อสารและประสานงานกันได้ทุกที่ ทุกเวลา”

ด้วยไมโครซอฟท์ Office 365 พนักงานของทีเอ็มบี จะได้รับประสบการณ์ของการใช้งานที่คุ้นเคยและสามารถสนองตอบต่อการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สร้างประสิทธิภาพในการทำงาน ต้นทุนในการดำเนินงานต่ำ และยังมีการใช้งานสูง การสร้างประสิทธิภาพในการทำงานสำหรับแต่ละบุคคลเป็นสิ่งที่กำลังเป็นที่ต้องการ  Office 365 ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเอกสารและข้อมูลจากที่ไหน หรือเวลาใดก็ได้ โดยสามารถเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ดีไวซ์ที่แตกต่างกันได้ เมื่อพนักงานมีเครื่องมือที่พร้อมช่วยให้พวกเขาสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้การเติบโตของธุรกิจดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์นับเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายเดียวที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำ จากผลการวิจัย Magic Quadrant ของการ์ทเนอร์ ในด้านบริการด้านโครงสร้างขั้นพื้นฐาน (Infrastructure-as-a-Service) บริการด้านแอพพลิเคชั่นแพลตฟอร์ม (Application Platform-as-a-service) และบริการด้าน Cloud Storage Services และ Server Virtualization  ที่มาพร้อมมาตรฐานระดับโลกด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนต้วของข้อมูล ด้วยมาตรฐาน  ISO 27001 และการรับรองมาตรฐานจากสหภาพยุโรป  ทำให้ Microsoft Office 365 เป็นบริการคลาวด์สำหรับการสร้างประสิทธิภาพในการทำงานและการประสานการทำงานร่วมกันที่องค์กรธุรกิจทั่วโลกต่างให้ความไว้วางใจเลือกใช้  โดยในปีที่ผ่านมา ร้อยละ 75 ของบริษัทใน    ฟอร์จูน 500 ต่างเลือกใช้ Office 365  ปัจจุบัน 1 ใน 4 ของลูกค้าองค์กรธุรกิจของไมโครซอฟท์เลือกใช้ Office 365 โดยมีสถาบันการเงินชั้นนำทั่วโลกที่เลือกใช้ Office 365 ได้แก่ American Capital และ Metro Bank สำหรับประเทศไทย องค์กรต่างๆ ที่ได้ให้ความไว้วางใจเลือกใช้งาน Office 365 ได้แก่  บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) สายการบินนกแอร์ สายการบินไทย สไมล์ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล และ ดีทแฮม ทราเวล

นายฮาเรซ คูบจันดานิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “เมื่อเราก้าวสู่ยุคดิจิทัล ธุรกิจและองค์กรจำเป็นต้องปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ที่กำลังเตรียมเข้าสู่ยุคดิจิทัลอีโคโนมี  ไมโครซอฟท์ สามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ ได้รับผลประโยชน์สูงสุดจากเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง Mobility, Social, Big Data, Cloud รวมถึงด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดยเรามีโซลูชั่นที่รองรับและเชื่อมโยงเทรนด์เหล่านี้สำหรับองค์กรธุรกิจ บริการคลาวด์จากไมโครซอฟท์อย่าง Office 365 สามารถปรับโฉมการดำเนินธุรกิจขององค์กรชั้นนำในปัจจุบัน  อย่างเช่น ทีเอ็มบีที่พร้อมก้าวสู่ยุคดิจิทัล  โดยยังคงรักษาข้อมูลและความปลอดภัยไว้ได้ และช่วยส่งเสริมให้พนักงานสามารถสนองตอบต่อการทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม”

“สำหรับความร่วมมือระหว่างทีเอ็มบีและไมโครซอฟท์ในครั้งนี้   Microsoft Office 365 ได้ช่วยสร้างประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม และปรับการทำงานของทีมที่ไม่หยุดนิ่งและต้องเดินทางตลอดเวลาให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างใกล้ชิดและเป็นทีมเวิร์ค ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้น”

นอกจากนี้ ธุรกิจด้านการเงินยังจะได้รับประโยชน์จาก Skype for Business (สไกป์ ฟอร์ บิสซิเนส) ซึ่งเป็นบริการใหม่ล่าสุดจาก Microsoft Office 365 ช่วยเสริมศักยภาพในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและพนักงานในองค์กรได้เป็นอย่างดี  ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อกับลูกค้าโดยตรงเพื่อให้คำแนะนำด้านการเงินได้อย่างทันท่วงที ไปจนถึงการขยายฐานลูกค้าจากทั่วโลกผ่านการสื่อสารออนไลน์  ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านการสื่อสาร Skype for Business ช่วยผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินและเจ้าหน้าที่ของธนาคารสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ  ปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดต่อสื่อสาร  สร้างความแข็งแกร่งให้กับ   แบรนด์ และสร้างความจงรักภักดีให้กับลูกค้า

Microsoft Office 365 ประกอบด้วย แอพพลิเคชั่นออฟฟิศแบบออนไลน์ที่ทุกคนคุ้นเคยและเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ อาทิ Word, Excel, OneNote และ PowerPoint พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1 เทราไบต์ บน OneDrive for Business พื้นที่อีเมลขนาด 50 กิกะไบต์ สำหรับ Exchange Online รวมถึงไปถึง Yammer บริการโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับธุรกิจ และ Skype for Business ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการของคลาวด์เพื่อการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพภายในองค์กร